อาหาร สำหรับ ผู้สูงอายุ |
---|
แหล่งที่มาของไขมันมีอยู่ 2 ชนิด คือ
สารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ น้ำ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นและ สำคัญยิ่งสำหรับร่างกายรองจากออกซิเจน แต่ส่วนใหญ่จะถูกลืม น้ำไม่ให้พลังงานแกร่างกาย ในร่างกายมนุษย์มีน้ำอยู่ประมาณ 70% ของน้ำหนักตัว น้ำเป็นตัวการที่สำคัญมากสำหรับการเปลี่ยนแปลง ทางเคมีของสารอาหารต่างๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ เป็นตัวนำสารอาหารไปยังเซลล์ต่างๆ และทำหน้าที่ ขับถ่ายสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการออกจากร่างกาย ฉะนั้น อาหารหลัก 5 หมู่ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น สำหรับมนุษย์ทุกคน แต่มนุษย์ในแต่ละช่วงของชีวิต เช่น วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และในวัยสูงอายุ จะมีความต้องการอาหารในรายละเอียด ที่แตกต่างกัน ตามสภาพ ความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ที่มีสภาพร่างกายสึกหรอ เสื่อมโทรมไปตามวัย เมื่อมีอายุมากขึ้น ประสาทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็น การรับรส กลิ่น เสียง และสัมผัสจะด้อยลง เมื่อเทียบกับคนหนุ่มสาว เมื่อการรับรู้รสและกลิ่นด้อยลง ทำให้ความอยากอาหาร ของผู้สูงอายุลดลงด้วย ผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องฟัน ซึ่งฟันอาจจะทำหน้าที่เคี้ยวอาหาร ไม่ละเอียด ทำให้การย่อยอาหารทำได้ไม่ดีพอ นอกจากนี้ผู้สูงอายุ ยังมีการลดลงของการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร และลำไส้ รวมทั้งต่อมน้ำลายในปากด้วย ทำให้การเคี้ยว การกลืน การย่อย การดูดซึมเป็นไปได้ไม่ดี เกิดอาหารไม่ย่อย มีแก๊สมากในลำไส้ใหญ่ มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ รวมทั้งท้องผูกด้วย ระบบการเผาผลาญก็ลดลง มีส่วนทำให้โอกาสเป็นโรคเบาหวานได้ง่าย ปัญหาสำหรับผู้สูงอายุในเรื่องอาหารนั้น จึงมีทั้งปัญหา กินไม่ได้และปัญหากินได้น้อย จนไม่เพียงพอ กับความต้องการของร่างกาย จนกระทั่งเกิดภาวะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะอาหารพวกโปรตีน หรืออาหารพวกวิตามิน และเกลือแร่บางตัว ทำให้ซีด อ่อนเพลีย กระดูกเปราะ เส้นเลือดฝอยแตกง่าย และผู้สูงอายุบางคน ได้รับอาหารมากเกินไป หรือบริโภคอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ ก็อาจทำให้มีปัญหาจากโรคเบาหวาน ไขมันในหลอดเลือดสูง ทำให้เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงได้ ควรที่จะมีวิธีเตรียมอาหารให้แก่ผู้สูงอายุ ต่างไปจากวัยอื่นได้ดังนี้
ผู้สูงอายุ จะมีปัญหาในเรื่องของ การขับถ่าย ท้องจะผูก ควรจะกินผักให้มากทุกมื้อ เพราะในผักใบเขียว และผักอื่นๆ จะให้อาหารจำพวกวิตามินและเกลือแร่ ผักยังมีกาก และใยอาหาร การกินใยอาหารให้มากเพียงพอ ในวันหนึ่งๆ (ประมาณวันละ 40-60 กรัม) จะช่วยลดระดับน้ำตาลในคนอ้วน และช่วยในการขับถ่ายได้ดี แต่อาจจะมีอุปสรรค เพราะฟันอาจจะไม่ดี ฉะนั้นการหุงต้มผัก อาจจะต้องใช้เวลานานมากขึ้น เพราะจะทำให้ผักเปื่อย นุ่ม หรืออาจจะใช้วิธีหั่นละเอียด หรือบดเป็นซุป ก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุ ได้กินผักทุกวัน และป้องกันการขาดวิตามิน และเกลือแร่ในร่างกายได้ เช่น ใบตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง ฟักทอง ฟักเขียว ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ฯลฯ ส่วนผลไม้ ผู้สูงอายุควรกินผลไม้ทุกวัน และทุกมื้อและพยายาม กินให้หลากหลายชนิดไม่ซ้ำกัน จะทำให้ได้รับสารอาหาร ชนิดใดชนิดหนึ่ง ผลไม้มีมากมายเช่นเดียวกับผักผลไม้ ที่มีเส้นใยอ่อนนุ่ม ผู้สูงอายุกินสดๆ ได้ เช่น แตงโม มะละกอ องุ่น ส้ม ชมพู่ พุทรา ฯลฯ แต่ถ้าเส้นใยหยาบ เช่น สับปะรด อาจจะปั่นเป็นน้ำสับปะรดได้ผลไม้เชื่อมต่างๆ รับประทานได้ แต่ควรให้ในปริมาณน้อยๆ แต่ถ้าในกรณีที่มีปัญหา เรื่องโรคเบาหวาน โรคอ้วน ควรงดผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน ละมุด ลำไว น้ำอัดลม น้ำผลไม้กระป๋อง ส่วนใหญ่จะผสมน้ำตาล ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยง ดื่มน้ำผลไม้สดจะดีกว่า รสชาติสีสันของอาหาร เป็นสิ่งช่วยกระตุ้นให้ผู้สูงอายุ เกิดความอยากอาหารเพิ่มขึ้นได้ และวิธีดัดแปลงอาหารต่างๆ เพื่อให้ดูแตกต่างกันออกไป และมีสีที่ชวนกิน ผู้สูงอายุบางคน ชอบรสเผ็ด หรือรสหวาน บางครั้งควรอนุโลมบ้าง แต่ผู้สูงอายุ ควรกินอาหารรสไม่เค็มจัด เพราะบางคนอาจจะมีปัญหาเรื่องโรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ หรืออาจจะยังไม่มี แต่ควรป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น ผู้สูงอายุ ควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ ต่อวัน เพื่อจะได้รับสารอาหารที่กล่าวมาแล้ว ให้ครบทั้งหมด เพื่อการมีสุขภาพอนามัยที่ดี มีความสุขในชีวิต ซึ่งมีคำขวัญ ที่พูดกันเสมอว่า กินอาหารครบ 5 หมู่ "นำไปสู่สุขภาพที่ดี"
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แหล่งข้อมูล : www.elib-online.com | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved. |