ไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะตุบๆ อย่างรุนแรง โดยเริ่มจากบริเวณใกล้ดวงตา หรือบริเวณขมับข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นซ้ำๆ มักพบร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ อาจเป็นนานถึง 3 วัน จนผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ ค้นหาว่าปัจจัยใดที่กระตุ้นให้เกิดอาการ แล้วหลีกเลี่ยง
เป็นไมเกรนต้องเลี่ยงอะไร
ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดไมเกรน มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย ที่ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงมีดังต่อไปนี้ |
|
|
1. |
อาหารที่มีสารกระตุ้นอาการเริ่มแรกของไมเกรน เช่น ไนไทรต์ ซึ่งพบในเบคอน ฮอตดอก และเนื้อหมัก ไทรามีน พบในไวน์แดง ตับไก่ อาหารที่ใช้ยีสต์ แทนนิน พบมากในถั่วเปลือกแข็ง น้ำแอปเปิล องุ่น เบอร์รี่ ชา กาแฟ และไวน์แดง ซัลไฟต์ ที่ใช้ในการหมักไวน์และผลไม้แห้ง โมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือผงชูรส นอกจากนั้นแล้ว ยังมีช็อกโกแลต เนยแข็ง อาหารทอด และผลไม้จำพวกส้ม |
|
|
น้ำตาลในเลือดต่ำ เนื่องจากหิวหรือกินอาหารคาร์โบไฮเดรตขัดขาวมากเกินไป |
|
3. |
อยู่ในภาวะขาดน้ำ |
|
|
4. |
ความเครียด และความวิตกกังวล รวมถึงอาการช็อก |
|
|
5. |
นอนหลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ |
|
|
6. |
อยู่ในที่ที่แสงจ้า หรือได้รับแสงจ้าเกินไป |
|
|
7. |
อยู่ในสถานที่หรือได้รับฟังเสียงดัง |
|
|
8. |
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือฤดูกาล อากาศแห้งหรือลมร้อนแห้ง |
|
9. |
การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายหรือการกินยาคุม |
หากหลีกเลี่ยงปัจจัยดังกล่าวแล้ว แต่ยังมีอาการ สามารถเลือกวิธีบำบัดด้วยตัวเองได้หลายวิธี
อาหารต้านไมเกรน
เนื่องจากระบบย่อยและดูดซึมแมกนีเซียมของผู้ป่วยไมเกรน มักมีประสิทธิภาพไม่ดี ช่วงก่อนมีอาการหรือกำลังมีอาการ จึงพบว่ามักมีปริมาณแมกนีเซียมลดต่ำลง อาหารที่มีแมกนีเซียม จึงช่วยให้ความถี่และความรุนแรงของอาการน้อยลงได้ ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ได้แก่ ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง (ยกเว้นถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งแม้จะมีแมกนีเซียมสูง แต่กลับมีสารแทนนินที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรน) และฟักทอง
นอกจากแมกนีเซียมแล้ว ผู้มีอาการไมเกรนซึ่งมีพลังงานสำรองในสมองต่ำ จึงต้องการไรโบฟลาวิน เพื่อช่วยเพิ่มพลังสำรองในเซลล์สมอง อาหารที่มีไรโบฟลาวินสูง ได้แก่ เห็ดหอมสดและผักหวาน
บำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหยสูตรพิเศษ
น้ำมันหอมระเหย มีสรรพคุณช่วยให้การสื่อสารกัน ระหว่างระบบประสาทต่างๆ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถปรับสมดุลของอารมณ์และจิตใจ ให้อยู่ในภาวะดียิ่งขึ้นได้ วิธีการนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการเยียวยาอาการไมเกรน มีดังนี้ค่ะ
|
|
นวดน้ำมันหอมระเหย ลองหาน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) อย่าง เปปเปอร์มินต์ (peppermint) ที่มีสรรพคุณช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่า และลาเวนเดอร์ (lavender) ที่ช่วยคลายกังวล ลดความเครียด และอาการซึมเศร้า ติดบ้านไว้บ้าง เมื่อรู้ตัวว่าจะเป็นไมเกรน หรือมีอาการปวด ให้ผสมน้ำมันหอมทั้งสองชนิดนี้อย่างละ 1 หยด ผสมกับน้ำมันอัลมอนด์หอม (sweet almond) 2 ช้อนชา นวดบริเวณขมับและต้นคอเบาๆ |
|
|
ประคบด้วยน้ำมันหอม ช่วงที่รู้สึกว่ามีอาการเครียดจัดต่อเนื่อง ให้ใช้น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์หรือมาร์จอแรม (marjoram) ประมาณ 2-3 หยด ผสมน้ำ จุ่มผ้าบิดหมาดๆ นำมาประคบบริเวณขมับและหน้าผากทุกวัน |
นอกจากการประคบด้วยน้ำมันหอมระเหยแล้ว การประคบโดยใช้อุณหภูมิของน้ำที่แตกต่างกัน ก็ช่วยให้อาการปวดศีรษะทุเลาเบาบางลงได้ (น้ำมันหอมระเหยหาซื้อได้ จากห้างสรรพสินค้าทั่วไป และร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ)
ประคบร้อนและเย็นบรรเทาอาการ
|
|
วิธีที่ 1 ประคบเย็นที่หน้าผากหรือคอ ถ้าอาการไม่บรรเทา ให้ประคบร้อนและเย็นพร้อมกัน โดยประคบเย็นที่หน้าผากและประคบร้อนที่ท้ายทอย ประคบสลับที่กันทุก 2 นาที ทำได้ถึง 6 รอบ |
|
|
วิธีที่ 2 ใช้ผ้าอุ่นจัดวางที่ท้ายทอย แล้วนวดคอ ไหล่ และสะบัก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นคลึงเบาๆ ที่ขมับ จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้า วิธีนี้ช่วยลดอาการปวดไมเกรนเนื่องจากความเครียด |
นอกจากการประคบแล้ว ยังมีการนวดกดจุดที่ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน
คลายปวดกับนวดกดจุด
การกดจุดเพื่อบรรเทาอาการไมเกรนมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน คือ
|
|
มือ ให้กดตรงเนินเนื้อที่เชื่อมระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ในแนวตรงสู่กระดูกนิ้วหัวแม่มือ |
|
|
คอด้านบน ให้กดย้อนขึ้นไปทางใต้กะโหลกศีรษะข้างๆ กระดูกคอ |
|
|
เท้า กดที่เนินเนื้อที่เชื่อมต่อหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ กดไปทางฝ่าเท้า |
ท้ายสุด ขอแถมด้วยชาสมุนไพรคลายอาการปวดให้ครบเครื่องเรื่องการเยียวยาไมเกรนกันไปเลยค่ะ
ชาสมุนไพรแก้ปวด
|
|
ใช้รากบวบกลม หรือบวบเหลี่ยมสด หนัก 1 ขีด ต้มน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มเป็นน้ำชา |
|
|
น้ำขิงจากเหง้าขิงแก่ และน้ำต้มจากต้นกะเพราแดง อาจช่วยลดอาการคลื่นไส้ ที่มักเกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะได้ |
|
|
ใช้ผล ต้น ใบ ดอก และรากของมะตูมนิ่มมาต้มรับประทาน ช่วยแก้ปวดศีรษะ ตาลาย |
นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 215
|