โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือโรคคอพอกเป็นพิษ ต่อมไทรอยด์ ซึ่งอยู่ที่ลำคอด้านหน้า ต่ำกว่าลูกกระเดือกเล็กน้อย ทำหน้าที่สร้างและหลั่ง ฮอร์โมนไธรอยด์ออกสู่กระแสเลือด เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ โดยเฉพาะหัวใจและประสาท
โรคคอพอกเป็นพิษ เป็นการเสียสมดุลของฮอร์โมนไธรอยด์ โดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่เกี่ยวข้องกับอาหารทะเล แต่มีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องดังนี้
|
1. |
เพศหญิง โรคนี้เกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 4-8 เท่า |
|
|
กรรมพันธุ์ บางครอบครัวเป็นกันทั้งมารดา และลูกสาว |
|
3. |
ความเครียดทางจิตใจ พบว่าทำให้เกิดอาการคอพอกเป็นพิษได้ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ อาจสร้างฮอร์โมนออกมามากเกินไป ต่อมจะมีขนาดโตขึ้น จนมองเห็นได้ชัดเจน ถ้าคลำดูจะมีลักษณะหยุ่นไม่แข็ง อาจฟังได้ยินเสียงฟู่ๆ เนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงต่อมมากกว่าปกติ วิธีการตรวจหาระดับฮอร์โมนในร่างกายทำได้ 2 วิธี |
|
|
|
|
เจาะเลือดตรวจหาระดับฮอร์โมนไทรอยด์ว่าสูงกว่าปกติหรือไม่ |
|
|
การตรวจโดยกัมมันตรังสีไอโอดีน เพศหญิงวัยเจริญพันธุ์ ที่สงสัยว่าตั้งครรภ์ควรบอกแพทย์ เพราะอาจมีผลเสียต่อเด็กในครรภ์ได้ |
|
คอพอกเป็นพิษอย่างไร อาการแสดงเป็นพิษ เกิดจากฮอร์โมนไทรอยด์ไปกระตุ้น การทำงานของร่างกายมากขึ้นดังนี้
|
1. |
หัวใจจะถูกกระตุ้นให้ทำงานมาก จึงมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นได้ ขณะที่นั่งสบายๆ ได้แก่ ใจสั่น หัวใจเต้นแรงและเร็ว จับชีพจรจะเต้นไม่สม่ำเสมอในบางครั้ง เหนื่อยง่าย |
|
|
เนื้อเยื่อของร่างกายเผาผลาญ สร้างพลังงานออกมามาก และเปลี่ยนเป็นความร้อน ออกจากร่างกายได้มากเช่นกัน จากอาหารที่รับประทานเข้าไป และที่เก็บสำรองไว้เป็นไขมันและกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้มีอาการเหล่านี้ ร้อนและเหงื่อออกมาก มือมักจะอุ่นและชื้น กินจุ แต่ผอมลง |
|
3. |
ระบบประสาทถูกฮอร์โมนไทรอยด์กระตุ้นมากขึ้น ทำให้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ถูกกระตุ้นให้ทำงานผิดปกติได้เช่นเดียวกัน มือสั่น ตกใจง่าย ลำไส้ถูกกระตุ้น ทำให้ถ่ายอุจจาระบ่อยวันละหลายๆ ครั้ง กล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนและขามักอ่อนแรง บางครั้งเมื่อนั่งยองๆ ก็ลุกไม่ไหว ประจำเดือนอาจมาน้อย หรือห่างออกไป นัยน์ตาอาจโตโปนถลน หรือหนังตาบนหดรั้งขึ้นไป ทำให้เห็นตาขาวข้างบนชัด ดูคล้ายคนดุ |
การรักษาคอพอกเป็นพิษ มี 3 วิธี วิธีแรก ยาเม็ดรับประทาน เพื่อควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้น เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น ชีพจรเต้นช้าลง ใจสั่นลดลง ฯลฯ ต้องใช้ยาติดต่อกันตั้งแต่ปีครึ่งถึงสองสามปี บางรายต้องรับประทานยาเป็นประจำ ถ้าหยุดยาทำให้มีอาการเป็นพิษได้อีก ข้อควรสังเกตอาการ ที่ควรรายงานให้แพทย์ทราบจากการใช้ยาเม็ด
|
1. |
มีโรคติดเชื้อบ่อย เนื่องจากฤทธิ์ยาทำให้มีเม็ดเลือดขาวต่ำในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไข้สูง เจ็บคอ แต่พบได้น้อยมาก |
|
|
มีผื่นคันตามผิวหนัง มักเป็นไม่รุนแรง |
|
3. |
มีผมร่วงจากที่ไม่เคยร่วง |
|
4. |
คอพอกโตขึ้นกว่าเดิม |
|
5. |
ตะคิวจับบ่อย |
|
6. |
ท้องผูกบ่อย |
วิธีที่สอง การผ่าตัดเพื่อเอาต่อมไทรอยด์บางส่วนออก ซึ่งจะให้ผลการรักษาเร็วกว่าวิธีกินยาเม็ด การผ่าตัดเหมาะที่จะใช้ในรายที่คอโตมากๆ หรือเมื่อรักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล ข้อเสีย การผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออกมากไป ทำให้ต่อมส่วนที่เหลือสร้างฮอร์โมนไม่พอใช้ ต้องกินยาฮอร์โมนไธรอยด์ทดแทนตลอดชีวิต และอาจมีเสียงแหบได้
วิธีที่สาม การกินน้ำแร่สารกัมมันตรังสีไอโอดีน 131 จะไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์ แล้วปล่อยรังสีทำลายต่อมให้หายเป็นพิษ วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยรักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยที่มีอายุมาก แต่ห้ามใช้ในหญิงกำลังตั้งครรภ์ ข้อเสีย ถ้าได้รับน้ำแร่จำนวนน้อยก็ไม่หายขาด ต้องกินซ้ำอีก หรือมากเกินไป อาจเกิดภาวะขาดฮอร์โมนได้เช่นกัน
การดูแลสุขภาพ
|
1. |
รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมมิให้อาการคอพอกเป็นพิษรุนแรงขึ้น |
|
|
สังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ของผลข้างเคียงของยาหรือการรักษา เพื่อรายงานอาการได้ถูกต้อง |
|
3. |
ติดตามการรักษา เพื่อเป็นผลดีต่อการรักษา |
|
4. |
รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะได้ทุกประเภท |
|