รองศาสตราจารย์นายแพทย์วัชรา บุญสวัสดิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ จากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อธิบายถึงสาเหตุของการเกิดโรคหืดไว้ว่า เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้หลอดลมเกิดการหดเกร็ง มีอาการบวมของเยื่อบุหลอดลม มีมูกหลั่งในหลอดลมมาก เป็นผลให้หลอดลมตีบแคบลง และส่งผลให้หลอดลมของผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ได้ไวกว่าคนปกติ
รู้ปัจจัยเสี่ยงต้นเหตุโรคหืด
ปัจจัยที่ทำให้คนไทยในยุคนี้ป่วยเป็นโรคหืดกันมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดจาก
|
|
สารก่อภูมิแพ้ การได้รับสารก่อภูมิ จำพวก ขนสัตว์ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ บ่อยๆ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดโรคหืดได้ |
|
|
ความเครียด ในขณะที่เราเครียด สมองจะเกิดความเปลี่ยนแปลง และมีผลทำให้หลอดลมเกิดอาการหดเกร็ง และก่อให้เกิดอาการหายใจติดขัดได้ |
|
|
ดูแลสุขภาพน้อยลง ความเร่งรีบในการใช้ชีวิต ทำให้คนในยุคปัจจุบันให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพน้อยลง ส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายบกพร่อง จึงป่วยบ่อย และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหืดได้ง่าย |
|
|
มลพิษทางอากาศ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ไม่ว่าจะเป็นควันพิษ สารเคมีในที่ทำงาน ตลอดจนบ้านพักที่ขาดการดูแลรักษาความสะอาด ซึ่งล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคหืดได้ทั้งสิ้น |
|
|
สูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูบหรือผู้สูดดมควัน มีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคเท่ากัน เพราะในควันบุหรี่มีสารปนเปื้อนกว่า 4,500 ชนิด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นอย่างดี ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบของหลอดลม |
|
|
กินผิด อาหารจั๊งฟู้ด หากรับประทานมากไป นอกจากจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคหืดได้เช่นกัน |
รู้จักวิธีรักษาโรคหืดในปัจจุบัน
ปัจจุบันเรารู้แล้วว่า โรคหืดเกิดจากการอักเสบของหลอดลม ทำให้เราสามารถกำหนดแนวทางการรักษาได้ โดยใช้หลักการให้ยาไปลดการอักเสบของหลอดลม เมื่อหลอดลมมีอาการอักเสบลดลงอาการหอบก็จะหายไป
ยาที่ลดอาการอักเสบที่สำคัญ ได้แก่ ยาพ่นสเตียรอยด์ ซึ่งผู้ป่วยจะต้องใช้ยาเป็นเวลานาน เพื่อลดอาการอักเสบของหลอดลม ซึ่งยาชนิดนี้ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคหืด เนื่องจากใช้ฉีดพ่นในปริมาณที่ต่ำ มาก และฉีดพ่นเฉพาะที่ จึงไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะส่วนอื่นแต่อย่างใด อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น เสียงแหบ มีฝ้าขาวในปาก แต่ป้องกันได้ด้วยการบ้วนปากหลังพ่นยา
นอกจากนี้ยังมี ยาฉีดเพื่อบรรเทาอาการ แต่จะใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น ทั้งนี้ยาสำหรับรักษาโรคหืด เป็นยาเฉพาะที่จึงมีปริมาณการใช้ที่ต่ำ และมีอาการข้างเคียงน้อยกว่ายากินมาก
ข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยโรคหืด
สิ่งที่ผู้ป่วยโรคหืดต้องระวังเป็นพิเศษคือ
|
|
การออกกำลังกายหนักๆ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการโรคหืดกำเริบได้ (ผู้ป่วยโรคหืด สามารถออกกำลังกายได้ทุกชนิด แต่ควรออกำลังกายแต่พอดี และเน้นการออกกำลังกา ยเพื่อเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของปอด เช่น ว่ายน้ำ ควบคู่ไปกับการรักษา) |
|
|
กินยาบางชนิด ควรระวังการกินยาบางจำพวก เช่น ยาในกลุ่มแอสไพริน ซึ่งนายแพทย์วัชราได้บอกว่า คนไข้โรคหืดราว 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ไปหาหมอแก้โรคปวดข้อ และได้รับการฉีดหรือกินยาชนิดนี้เข้าไป เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อาจได้รับอันตรายถึงเข้าห้องฉุกเฉินเลยทีเดียว |
เช็คอาการเสี่ยงโรคหืดกันไหม
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหืดหรือไม่ เรามีแบบทดสอบมาให้ลองทำดูครับ คุณเคยมีอาการเหล่านี้หรือไม่
|
|
หายใจมีเสียงวี๊ดคล้ายนกหวีดในทรวงอก |
|
|
มีอาการไอ และจะเป็นมากในช่วงกลางคืน |
|
|
หายใจลำบาก และ แน่นหน้าอก คุณมักมีอาการแน่นหน้าอกเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นดังต่อไปนี้ |
|
|
|
|
ขนสัตว์ |
|
|
กลิ่นสเปรย์ หรือกลิ่นน้ำหอมต่างๆ |
|
|
ละอองเกสรดอกไม้ |
|
|
ไรฝุ่น เชื้อรา |
|
|
ควันบุหรี่ |
|
|
อากาศเปลี่ยนแปลง |
|
|
กินยาบางอย่าง (แอสไพริน) |
|
|
อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว |
|
|
ออกกำลังกายหนัก |
|
|
เป็นหวัดเกิน 10 วัน |
|
ถ้าคุณเคยมีอาการเหล่านี้ แม้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง ควรตั้งข้อสังเกตว่าอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคหืดได้ และหากมีอาการผิดปกติมากกว่าหนึ่งข้อ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 236
|