|
1. |
ความผิดปกติของกระดูกสันหลังโดยกำเนิด เช่น กระดูกและข้อต่ออาจจะผิดรูป หรือมีการเชื่อมต่อ หรือไม่เชื่อมต่อเป็นบางจุด ทำให้เกิดความไม่สมดุลของกระดูกสันหลัง |
|
|
|
|
|
เนื้องอก การวินิจฉัยเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจพิเศษ เช่น CT Scan, MRI การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ระดับแคลเซียม ฟอสฟอรัส และอัลคาไลน์ ฟอสฟาแตสในเลือด เป็นต้น มะเร็งกระดูก เช่น มะเร็งไขกระดูก (Multiple Myeloma) ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่พบได้บ่อย สามารถตรวจได้จากระดับโปรตีนเฉพาะในเลือด และในปัสสาวะ การตรวจด้วยรังสีธรรมดาจะพบความผิดปกติ เมื่อมีเนื้องอกเข้าไปในกระดูกมากกว่าร้อยละ 30 |
|
|
|
|
3. |
การบาดเจ็บต่อสันหลัง การปวดหลังจากการยกของหนัก หรือภายหลังอุบัติเหตุ อาจจะเป็นเพียงหลังยอก หรือกล้ามเนื้อมีการยืดหรือฉีกขาด ซึ่งสามารถหายได้เอง แต่ในบางรายอาจเกิดจากกระดูกมีการหักทรุดหรือเคลื่น ซึ่งจำเป็นต้องใช้ภาพรังสีในการตรวจวินิจฉัย |
|
|
|
|
4. |
กระดูกพรุน (Osteoporosis) พบมากในหญิงหลังหมดประจำเดือน ภาพถ่ายรังสีจะพบว่ากระดูกบาง และมีการหักทรุดของกระดูกสันหลังในหลายๆ ระดับ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังเรื้อรังและตัวเตี้ยลง การวินิจฉัยกระดูกพรุนร่วมกับกระดูกสันหลังหักทรุด จะต้องแยกออกจากมะเร็งของกระดูกสันหลัง ซึ่งบางครั้งจะวินิจฉัยแยกกันได้ยาก ถ้าสงสัยจะต้องตรวจรังสีพิเศษ เช่น MRI
การรักษากระดูกพรุน ได้แก่ การให้ฮอร์โมนเอสโทรเจน วิตามินดี ฟลูออไรด์ ฮอร์โมนแคลซิโตนิน การออกกำลังกาย และการได้อาหารที่มีแคลเซียมสูง เป็นต้น |
|
|
|
|
5. |
การอักเสบของกระดูกสันหลัง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ แบบปล้องไม้ไผ่ (Ankylosing Spondylitis) ส่วนใหญ่หาสาเหตุไม่ได้ อาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ การตรวจวินิจฉัยส่วนใหญ่ใช้ภาพถ่ายรังสี ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังเรื้อรังและอาจจะหลังแข็ง |
|
|
|
|
6. |
โรคกระดูกหลังเสื่อม พบว่าร้อยละ 90 ของวัยที่เกิน 40 ปี จะมีการเสื่อมของกระดูกสันหลังเกิดขึ้น ปัจจัยที่มีผลต่อการเสื่อมของกระดูกสันหลัง ได้แก่ การออกกำลังกาย ท่าทางที่ไม่เหมาะสม น้ำหนักตัวมาก การยกของหนักเกินกำลัง การตั้งครรภ์ การสูบบุหรี่ ซึ่งพบว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุทำให้กระดูกพรุน และหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้น โดยเป็นผลจากออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยง หมอนรองกระดูกและกระดูกลดลง |
|
|
|
|
7. |
การติดเชื้อของกระดูกสันหลัง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
|
|
แบบเฉียบพลัน มักเป็นแบคทีเรียที่กระจายมาจาก ระบบทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ และแผลติดเชื้อ ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรค และภูมิต้านทานโรค ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังมากและมีไข้ |
|
|
แบบเรื้อรัง มักเกิดจากเชื้อวัณโรค ผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดหลังเรื้อรัง อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ในกรณีที่มีอาการชา อ่อนแรง อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เพื่อเอาหนองและกระดูกที่กดทับระบบประสาทออก ในปัจจุบัน วิวัฒนาการของยาปฏิชีวนะช่วยให้การรักษา การติดเชื้อของกระดูกสันหลังได้ผลดีมาก |
|
|
|
|
|
8. |
เส้นเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องโป่งพอง ทำให้เกิดอาการปวดหลัง คล้ายคลึงกับหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน หรือเนื้องอกได้ ซึ่งแยกกัน โดยผู้ป่วยอาจจะมีอาการขาเย็น คลำได้จากก้อนที่เต้นตามชีพจรจากหน้าท้อง การวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง และให้การรักษาอย่างเร่งด่วนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเส้นเลือดแดงที่โป่งพองอาจจะแตก ทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้ |
|
|
|
|
9. |
โรคในช่องท้อง โรคของระบบทางเดินปัสสาวะ โรคระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรี อาจจะมีอาการปวดร้าวไปที่หลัง โดยทั่วไป แพทย์สามารถวินิจฉัยได้จากประวัติการตรวจร่างกาย การตรวจปัสสาวะ การตรวจทางรังสี และอื่นๆ |
อาการปวดหลัง เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อย ผู้ป่วยไม่ควรลังเลที่จะพบและปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการปวดหลังมาก หรือปวดหลังเรื้อรัง เพราะด้วยวิทยาการและความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี จะช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัย และรักษาอย่างได้ผล