|       
        
 
      สาเหตุของความดันโลหิตสูง   อาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ 
      
        
          |   | 
          1.  | 
          พวกที่หาสาเหตุได้ เช่น จากโรคไตอักเสบ   เส้นเลือดแดงตีบ พิษแห่งครรภ์ เป็นต้น  | 
         
        
          |   | 
           | 
          พวกที่หาสาเหตุไม่พบ   ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงส่วนมากมักจะเป็นชนิดนี้ | 
         
       
            บุคคลประเภทใดที่มักจะเป็นความดันโลหิตสูง 
      
        
          |   | 
          1.  | 
          ส่วนมากมักพบได้ในผู้สูงอายุโดยเฉพาะอายุตั้งแต่ 40-50 ปีขึ้นไป | 
         
        
          |   | 
           | 
          พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย   โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือนพบได้บ่อย | 
         
        
          |   | 
          3.  | 
          พบมากในคนอ้วน   แต่คนผอมก็พบบ้างเหมือนกัน | 
         
        
          |   | 
          4.  | 
          อาจเนื่องจากกรรมพันธุ์ประมาณ 30-40 % | 
         
        
          |   | 
          5.  | 
          ในบุคคลที่มีอารมณ์รุนแรง เคร่งเครียด ตื่นเต้น ตกใจง่าย ดีใจง่าย เสียใจง่าย   อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อาจจะกระตุ้นให้ความดันโลหิต สูงขึ้นชั่วคราวในตอนแรก   แล้วจะค่อยลดลงเอง แต่ถ้าเกิดบ่อยและนานเข้า   ความดันโลหิตก็จะสูงอย่างถาวร ซึ่งถ้าสูงมากก็เป็นอันตรายได้ | 
         
       
      อาการ 
                                       
                                       ผู้ป่วยด้วยความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอาจตรวจพบ โดยการตรวจเช็คสุขภาพประจำปี   หรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น แล้วแพทย์วัดความดันของเลือดพบว่าผิดปกติ   สำหรับที่รายมีอาการจะมีอาการมึนงง ตาพร่ามัว ปวดศรีษะตรงท้ายทอย   มักจะปวดตอนตื่นนอน เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย   บางรายเลือดกำเดาออกบ่อยๆ   อาการดังกล่าว อาจเกิดจากโรคอื่นได้อีกหลายโรค และที่สำคัญที่สุดความดันโลหิตสูง บางรายอาจไม่มีอาการใดเลยก็ได้   นอกจากตรวจวัดด้วยเครื่องมือแพทย์จึงจะทราบ   ฉะนั้น ถ้าท่านสงสัยว่าเป็นโรคนี้ หรือท่านที่มีอายุเกิน 35 ปี   ควรตรวจวัดความดันโลหิต อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง 
         
        การปฏิบัติตัว 
         
                                                       ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง   ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ เพื่อรักษาให้ความดันเลือด ลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ   และเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น หัวใจโต หรือการไหลเวียนของเลือดในไตลดลง   หลอดเลือดในสมองแข็งและเปราะ ฯลฯ การรักษาความดันโลหิตสูง ต้องเป็นการรักษาของแพทย์   ที่จะตรวจและให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัว การใช้ยา แต่ผู้ป่วยก็ต้องปฏิบัติตัว   เพื่อช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้ง่ายขึ้น คือ 
       
      
        
          |   | 
          1.  | 
          การพักผ่อนต้องพักผ่อนทั้งทางร่างกายและจิตใจ   พยายามควบคุมอารมณ์และจิตใจไม่ให้ตึงเครียด ขุ่นมัวและวู่วาม | 
         
        
          |   | 
           | 
          คนอ้วนต้องลดน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ | 
         
        
          |   | 
          3.  | 
          ระวัง อย่าให้หกล้ม หรือศีรษะ   กระทบกระแทก เพราะอาจจะทำให้หลอดเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาตได้ | 
         
        
          |   | 
          4.  | 
          ไม่ควรวิตกกังวลหรือให้ความสำคัญ กับระดับความดันโลหิตที่วัดไว้แต่ละครั้ง   ความดันโลหิตในบุคคลเดียวกัน เปลี่ยนแปลงได้เสมอตามภาวะแวดล้อมต่างๆ ในแต่ละวัน   ควรให้แพทย์เป็นผู้ตัดสินว่า ระดับความดันโลหิตที่เปลี่ยนแปลง   มีความสำคัญอย่างไรหรือไม่ | 
         
        
          |   | 
          5.  | 
          ต้องควบคุมอาหาร | 
         
       
      อาหารสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง 
      
        
          |   | 
          1.  | 
          หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด เพราะเกลือทำให้ความตึงตัว ของผนังหลอดโลหิตแดงเพิ่มขึ้น   ทำให้ความดันเลือด Diastolic สูงขึ้น | 
         
        
          |   | 
           | 
          อาหารพวกเนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ด   ซึ่งเป็นอาหารพวกโปรตีน ถ้าไตทำหน้าที่ได้ตามปกติ ก็ไม่ต้องลดลง   แต่ถ้ามีอาการทางไตแทรกซ้อน ต้องลดโปรตีน | 
         
        
          |   | 
          3.  | 
          อาหารไขมันอยู่ระดับกลาง   ค่อนข้างต่ำ ควรหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์และพวกกะทิ | 
         
        
          |   | 
          4.  | 
           อาหารหวานจัด เช่น   ขนมหวานทุกชนิด พยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด เพราะจะทำให้น้ำหนักตัว   และระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น | 
         
        
          |   | 
          5.  | 
          เครื่องดื่มต่างๆ เช่น ชา กาแฟ   ซึ่งมีสารคาฟอีนสูง กระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้น สูบฉีดโลหิตแรงขึ้น   เป็นอันตรายสำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง | 
         
        
          |   | 
          6.  | 
          เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า   เบียร์ จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนของโลหิตเร็วและแรงขึ้น   หัวใจต้องทำงานหนัก และแรงโลหิตจะพุ่งสูงขึ้น นับว่าเป็นอันตรายยิ่ง ควรงดเด็ดขาด   และงดสูบบุหรี่ | 
         
       
      สรุป 
                                     
        การจัดอาหาร   สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ถ้ามีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ   จะต้องลดลงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ   และผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติ ก็ต้องระวังไม่ให้เพิ่มมากขึ้น   ควรรับประทานอาหารที่มีแรงงานต่ำ ไม่มีไขมันและแป้ง น้ำตาลมากรส อาหารค่อนข้างจืด   จะเติมเกลือ ซอส น้ำปลาได้บ้าง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัดทุกชนิด   รวมทั้งอาหารที่เก็บถนอม โดยการใช้เกลือ เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม ผักดองเค็ม หมูแฮม   เบคอน และขนมปังเค็มชนิดต่างๆ  
     |