|
 ร้าน 'บ้านสีม่วง' เปิดให้บริการมากว่า 18 ปีแล้ว ซึ่งเจ้าของร้านคือหม่อมอรศรี ภรรยาของหม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย ที่ใครๆ ต่างรู้จักกันดีในนามของผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในอดีต
ความเป็นมาของร้านนั้นเริ่มมาจากการที่ หม่อมอรศรีเป็นแม่บ้านที่ชอบทำอาหารให้คนในครอบครัวรับประทาน ซึ่งเมนูแต่ละจานนั้น หม่อมอรศรีดัดแปลงและคิดค้นสูตรขึ้นมาเองจนได้รสชาติในแบบเฉพาะ ไม่มีที่ไหนเหมือน ถึงแม้จะเป็นเพียงการทำอาหารรับประทานกันภายในครอบครัวก็ตาม
จนกระทั่งในช่วง ม.จ.ทิพยฉัตร สร้างหนังนั้น หม่อมอรศรีก็รับหน้าที่ในการดูแลเรื่องอาหารการกินในกองถ่าย จนเป็นที่ติดอกติดใจเหล่าดารา ทีมงาน ตลอดจนนักหนังสือพิมพ์และทีมพากย์ ถึงขั้นที่ว่า ม.จ.ทิพยฉัตรเลิกสร้างหนังไปแล้ว ยังมีเสียงเรียกร้องให้หม่อมอรศรีเปิดร้านอาหาร เพื่อที่จะได้มีโอกาสรับประทานอาหารฝีมือหม่อมได้ง่ายขึ้น
และนี่ก็เป็นที่มา ที่ทำให้เกิดร้านอาหาร 'บ้านสีม่วง' ขึ้นมา ในส่วนของชื่อร้าน ม.จ.ทิพยฉัตร เขียนไว้ในใบแนะนำร้านว่า 'เพื่อให้ฟังแล้วเกิดความโรแมนติคนิดๆ ซึ้งหน่อยๆ และลึกลับตื่นเต้นชวนให้สัมผัส' จึงตั้งชื่อร้านว่า 'บ้านสีม่วง' นั่นเอง
 มาดูเมนูของทางร้านกันบ้าง จากที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่าไม่มีที่ไหนเหมือน ลองดูกันว่าไม่เหมือนอย่างไร เริ่มกันที่จานเด็ดของร้านก่อนเป็นจานแรก 'ผักกาดขาวยัดไส้หมู' ฟังชื่อแล้วอาจสงสัยว่าเด็ดตรงไหน แต่บอกให้รู้ก่อนเลยว่าเมนูจานนี้เป็นเมนูที่มีอายุกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งหม่อมอรศรีคิดค้นขึ้นมาเอง โดยมีขั้นตอนที่แสนจะสลับซับซ้อน ต้องผ่านกรรมวิธีทั้งลวก นึ่ง และทอด เท่านั้นไม่พอยังตัองผัดน้ำมันหอยมาราดหน้าอีกด้วย เรียกได้ว่ากว่าจะเสร็จออกมาเสิร์ฟให้รับประทานต้องใช้ความพิถีพิถันกันอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นรสชาติต้องเด็ดอย่างแน่นอน
ส่วนใหญ่เมนูของร้านจะเป็นอาหารไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ คุณทวด ซึ่งหาทานได้ไม่ง่ายนัก บางจานแค่เอ่ยชื่อขึ้นมาเด็กสมัยนี้อาจทำหน้างงด้วยซ้ำ อย่าง 'น้ำปลาเห็ด-ไข่ต้ม/ทูน่าฟู ' จานนี้ เป็นเมนูที่หม่อมดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำปลาเห็ดสูตรดั่งเดิมนั้นจะใช้เห็ดโคลนทำ แต่เนื่องจากหม่อมเห็นว่าเห็ดโคลนไม่ได้มีตลอดทั้งปี จึงเปลี่ยนมาใช้เห็ดฟางแทน ซึ่งก็ยังคงรสชาติความอร่อยเช่นเคย ส่วนปลาที่นำมาทำฟูนั้น เดิมใช้ปลาดุกฟู แต่หม่อมเห็นว่าอาหารไทยเป็นอาหารที่ทั่วโลกยอมรับ จึงน่าจะดัดแปลงมาใช้วัตถุดิบที่หาได้ทั่วไปไม่ได้มีแต่เฉพาะในเมืองไทย ด้วยการลองใช้ปลาทูน่าแทน และก็พบว่าดีกว่าปลาดุก เนื่องจากปลาดุกเวลานำมาทำฟูจะยังคงทิ้งก้างเอาไว้ แต่ปลาทูน่าไม่มีก้างและถ้าทำให้ถูกวิธีก็จะฟูน่ารับประทานกว่าปลาทูเสียอีก
ที่ขาดไม่ได้สำหรับอาหารไทยของเราคืออาหารประเภทน้ำพริกสำ หรับที่ร้าน 'บ้านสีม่วง' 'น้ำพริกกุ้งสด' นั้น จะมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รับประทานกับผักสดยิ่งเพิ่มความสดยิ่งขึ้น ประกอบกับการจัดวางอาหารที่น่ารับประทาน ยิ่งทำให้เจริญอาหารขึ้นเป็นเท่าตัว
ต่อกันด้วย 'ปูหลนกะทิ' จุดเด่นคือสามารถรับประทานปูได้ทั้งตัว เนื่องจากเนื้อปูนั้นนุ่มมาก ถ้าเป็นหน้ามะดันจะใช้มะดันแทนมะขามเปียก เพราะให้รสชาติที่อร่อยกว่า
มาที่อาหารว่างอย่าง 'เมี่ยงคะน้า' กันบ้าง สำหรับเมนูนี้อาจคุ้นเคยกันอยู่ก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนที่ไหนคือส่วนประกอบที่ใช้รับประทานกับน้ำเมี่ยงนั้น นอกจากจะมี หัวหอม มะนาว พริกขี้หนู ขิง แล้ว ยังมีกุ้งแห้งและกากหมูซึ่งทอดและเจียวสดใหม่ทุกวัน ส่วนน้ำเมี่ยงนั้น ก็มีสมุนไพรเป็นองค์ประกอบที่ครบเครื่องและเข้มข้น
ปิดท้ายกันด้วย 'ต้มญี่ปุ่นเสียเมือง' กล่าวได้ว่าเป็นเมนูที่มีชื่อแปลกที่สุดในร้าน และที่มาก็ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน เพราะเป็นเมนูที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในสมัยนั้นญี่ปุ่นยกทัพมาตั้งที่เมืองไทย และในสมัยนั้นคุณยายของหม่อมก็มีชื่อเสียงในเรื่องฝีมือการทำอาหารที่อร่อย ทหารญี่ปุ่นจึงแวะเวียนมารับประทานอาหารที่บ้านของหม่อมเป็นประจำ จนกระทั่งวันที่ญี่ปุ่นประกาศแพ้สงคราม เป็นวันเดียวกับที่มีทหารมารับประรับทานอาหารอยู่ที่บ้านของหม่อม โดยคุณยายของหม่อมได้ทำซุปเนื้อซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของตระกูลให้ทหารญี่ปุ่นรับประทาน ในขณะที่เพลิดเพลินกับรสชาติของซุปอย่างเอร็ดอร่อยนั้น ก็ไม่รู้เลยว่าญี่ปุ่นแพ้สงครามแล้ว คุณยายของหม่อมจึงตั้งชื่อซุปถ้วยนี้ว่า 'ต้มญี่ปุ่นเสียเมือง' นั้นเอง ความอร่อยนั้นอยู่ที่รสชาติที่มีทั้ง เปรี้ยว เค็ม หวาน แล้วยังได้ความเผ็ดที่กลมกล่อมจากพริกชี้ฟ้าเผาอีกด้วย
แม้ว่าในปัจจุบันนี้หม่อมอรศรีจะไม่ใช่แม่ครัวปรุงอาหารออกเสิร์ฟเองแล้ว แต่ทุกวันก็ยังคงเข้าไปตรวจตรารสชาติของอาหารไม่ให้ขาดตกบกพร่อง และแม่ครัวที่ทำอาหารนั้นก็เป็นแม่ครัวที่อยู่กับหม่อมมาหลายสิบปี จึงวางใจในเรื่องรสชาติของอาหารได้ ใครที่ชอบรับประทานอาหารไทยก็ต้องไม่พลาดร้านนี้นะคะ เพราะบรรยากาศกับอาหารที่วางบนโต๊ะนั้น สร้างความรู้สึกเหมือนได้รับประทานอาหารอยู่ที่บ้าน แต่รสชาติเหนือคำบรรยายจริงๆ
รายละเอียดเกี่ยวกับร้านบ้านสีม่วง
|
