โรคกระเพาะอาหารคืออะไร
โรคกระเพาะอาหาร หมายถึง โรคที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หรือมีการอักเสบของเยื่อกระเพาะอาหาร คนที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่วนมากมักจะเป็นเรื้อรัง หรือเป็นนานๆ ถ้าไม่รักษาหรือปฏิบัติตัวให้ถูกต้องจะมีอาการเป็นๆ หายๆ และถ้าปล่อยให้เป็นมาก จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร
สาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะมีมากมาย แต่เชื่อกันว่าสาเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากมีกรดในกระเพาะอาหารมาก และเยื่อบุกระเพาะอาหารอ่อนแอลง
|
1. |
สาเหตุที่กระเพาะอาหารมีกรดมากขึ้น เกิดขึ้นเนื่องจาก |
|
|
|
|
กระตุ้นของปลายประสาท เกิดจากความเครียด วิตกกังวลและอารมณ์ |
|
|
การดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ เหล้า เบียร์ ยาดอง |
|
|
การดื่มกาแฟ |
|
|
การสูบบุหรี่ |
|
|
การกินอาหารไม่เป็นเวลา |
|
|
|
มีการทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร เกิดจาก |
|
|
|
|
การกินยาแก้ปวด ลดไข้ แก้ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ ยาชุดที่มีแอสไพริน และยาสเตียรอยด์ ยาลูกกลอนต่างๆ |
|
|
การกินอาหารเผ็ดจัด และเปรี้ยวจัดจากน้ำสมสายชู |
|
|
การดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ เหล้า เบี้ย ยาดอง |
|
อาการที่พบ
|
1. |
ปวดท้อง ลักษณะอาการปวดท้องที่สำคัญ คือ |
|
|
|
|
ปวดเรื้อรังมานาน เป็นๆ หายๆ เป็นเดือนหรือเป็นปี |
|
|
ปวดสัมพันธ์กับอาหาร เช่น ปวดเวลาหิวหรือท้องว่างเมื่อกินอาหารหรือนม จะหายปวด บางรายจะปวดหลังจากกินอาหารหรือนมจะหายปวด บางรายจะปวดหลังจากกินอาหารหรือปวดกลางดึกก็ได้ |
|
|
|
จุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ เรอลม มีลมในท้อง ร้อนในท้อง คลื่นไส้อาเจียน |
|
3. |
อาการโรคแทรกซ้อน ได้แก่ |
|
|
|
|
อาเจียนเป็นเลือดดำ หรือแดง หรือถ่ายดำ เนื่องจากมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น |
|
|
ปวดท้องรุนแรง และ ช๊อค เนื่องจากแผลกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กทะลุ |
|
|
ปวดท้องและอาเจียนมาก เนื่องจากการอุดต้นของกระเพาะอาหาร |
|
ข้อควรจำ
อาการของโรคกระเพาะอาหาร จะไม่สัมพันธ์กับความรุนแรงของโรค บางรายไม่มีอาการปวดท้อง แต่มีแผลใหญ่มากในกระเพราะอาหาร หรือลำไส้ บางรายปวดท้องมากแต่ไม่มีแผลเลยก็ได้
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นกระเพาะอาหาร
การตรวจเพื่อให้รู้ว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร ทำได้ดังนี้
|
1. |
แพทย์จะวินิจฉันได้ถูกต้องจากการซักประวัติ
อาการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย เพื่อแยกโรคอื่นที่มีอาการคล้ายโรคกระเพาะ เช่น โรคถุงน้ำดี โรคตับ |
|
|
จากการเอ็กซเรย์ โดยการกลืนแป้งดูกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น สามารถตรวจพบว่า
มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก หรือไม่ อาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น สามารถตรวจพบว่ามีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กหรือไม่ |
|
3. |
การส่องกล้อง เพื่อตรวจดูกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กจะสามารถมองเห็นเยื่อบุกระเพาะอาหาร
และลำไส้เล็กว่ามีการอักเสบมีเลือดออก หรือมีแผลหรือไม่ ตลอดจนสามารถตัดเนื้อเยื่อออกมาตรวจพิสูจน์ได้ด้วย |
การรักษา
|
1. |
กำจัดต้นเหตุของการเกิดโรค ได้แก่ |
|
|
|
|
กินอาหารให้เป็นเวลา |
|
|
งดอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด |
|
|
งดดื่มเหล้า เบียร์ หรือยาดอง |
|
|
งดดื่มน้ำชา กาแฟ |
|
|
งดสูบบุหรี่ |
|
|
งดเว้นการกินยา ที่มีผลต่อกระเพาะอาหาร |
|
|
พักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายคลายตึงเครียด |
|
|
|
การให้ยารักษา โดยกินยาอย่างถูกต้อง คือต้องกินยาให้สม่ำเสมอ กินยาให้ครบตามจำนวน และระยะเวลา ที่แพทย์สั่งยารักษาโรคกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 4-6 อาทิตย์ แผลจึงจะหาย ดังนั้นภายหลังกินยา ถ้าอาการดีขึ้นห้ามหยุดยา ต้องกินยาต่อจนครบ และแพทย์แน่ใจว่าแผลหายแล้ว จึงจะ ลดยาหรือหยุดยาวได้ |
|
3. |
การผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบัน มียาที่รักษาโรคกระเพาะอาหารอย่างดีจำนวนมากถ้าให้การรักษาที่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดสำหรับการผ่าตัดอาจทำให้เป็นกรณีที่เกิดโรคแทรกซ้อน ได้แก่ |
|
|
|
|
เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก โดยไม่สามารถทำให้หยุดเลือดออกได้ |
|
|
แผลกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กเกิดการทะลุ |
|
|
กระเพาะอาหารมีการอุดตัน |
|
การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคกระเพาะ
|
1. |
กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ปล่อยให้ท้องว่าง หรือหิว ถ้าหิวก่อนเวลาให้ดื่มนม หรือน้ำเต้าหู้ น้ำข้าว น้ำผลไม่ได้ |
|
|
หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด จากน้ำสมสายชู |
|
3. |
งดดื่มเหล้า เบียร์ กาแฟ ยาดอง |
|
4. |
งดการสูบบุหรี่ |
|
5. |
หลีกเลี่ยงการกินยาแก้ปวด แก้ไข ที่มีแอสไพริน หรือยาชุดต่างๆ รวมทั้งยาแก้ปวดกระดูก และยาสเตียรอยด์ ยาลูกกลอน ยาหม้อต่างๆ |
|
6. |
ควรพักผ่อนให้มากเพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานผ่อนคลายเครียดวิตกกังวล และไม่หงุดอารมณ์เสียง่าย |
|
7. |
กินยาตามแพทย์สั่ง ถ้ากินยาแล้วอาการดีขึ้น ต้องกินยาติดต่อกันอย่างน้อย 4-6 อาทิตย์ ไม่ควรหยุดยาก่อน เพราะอาการปวดท้องจะกำเริบได้อีก |
|
8. |
ควรออกกำลังกาย แต่ไม่ควรมากเกินไป |
|
9. |
อย่าซื้อยากินเอง มีโรคอื่นควรปรึกษาแพทย์ |
|