|
|
พึงจำไว้ว่าโรคตาส่วนมากคล้ายๆ กับโรคทางร่างกายทั่วไป ที่ถ้ารักษาแต่เริ่มแรก มักจะรักษาได้ อย่าปล่อยไว้นานจนเกินควรจะแก้ไข ถ้าคุณไม่ทราบ จักษุแพทย์ทุกท่านยินดีให้คำปรึกษา และช่วยเหลืออยู่แล้ว |
|
|
เมื่อมีอาการผิดปกติทางตา เช่น ตาแดง ปวดตา ตามัว น้ำตาไหล เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นสีผิดเพี้ยน ควรปรึกษาจักษุแพทย์ |
|
|
หากคุณต้องทำงานที่เสี่ยงอุบัติเหตุ ควรสวมแว่นนิรภัย ถ้าเป็นช่างอ๊อกเหล็ก ช่างเชื่อมโลหะ ต้องสวมแว่น หรือสวมหน้ากากป้องกันทุกครั้ง ฝึกให้ทำเป็นนิสัย เท่าที่เห็นมีอยู่จำนวนมาก บอกว่าขี้เกียจใช้แว่น ไม่เคยใส่เพราะว่ามันเกะกะ รู้สึกไม่สะดวก ถ้าทำให้เคยแล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น ถ้าคุณต้องตากแดด ทำงานกลางแจ้ง ทำงานในที่มีฝุ่นละอองมาก ควรใช้แว่นกันแดดช่วย อย่าใช้แว่นกันแดดเพียงเพื่อตามแฟชั่น แว่นกันแดดนอกจากจะกันฝุ่นละออง ยังปกป้องดวงตาจากแสง หรือรังสีซึ่งมองไม่เห็นด้วยตา ซึ่งสามารถทำลายดวงตาอย่างช้าๆ |
|
|
เมื่อมีเหตุสุดวิสัย สารเคมีหรือน้ำยาอะไรเข้าตา การรักษาเบื้องต้นที่ควรจะทำคือ ล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที |
|
|
หากบังเอิญมีฝุ่นหรือผงเข้าตา อย่าขยี้ตา บางคนอาจจะคิดว่าเคยเอามือขยี้และถูตา หลังจากรู้สึกมีผงเข้าตาแล้ว ผงจะหลุดออกมาเอง ที่ถูกไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการขยี้ตาอาจทำให้ตาดำถลอก ยุ่งยากในการรักษา อีกทั้งผงที่แหลมคมอาจฝังลึกลงไป เมื่อมีผงเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาด หรือลืมตาในน้ำ หากยังเคืองตาอยู่ ให้ผู้อื่นดูว่ามีผงติดอยู่ที่บริเวณใดในตาหรือไม่ ถ้าเป็นเศษผงติดที่ตาขาว อาจใช้น้ำล้างตาหรือไม้พันสำลี เขี่ยเศษผงให้ออกจากตาได้โดยไม่ยาก ถ้าพยายามแล้วไม่ออก หรือผงติดอยู่ที่ตาดำ ไม่ควรพยายามเอาออกเอง เนื่องจากจะทำให้เจ็บมากเอาออกไม่ได้ อาจทำให้ผงยิ่งฝังลึกลงไป ทำให้เอาออกยากขึ้น |
|
|
ในภาวะปกติ คนเรานี้มีน้ำตาหล่อเลี้ยงดวงตา ซึ่งหลั่งมาจากต่อมต่างๆ อยู่แล้ว น้ำตานี้จะชะล้างสิ่งแปลกปลอม ตลอดจนชะสิ่งสกปรกออกอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องล้างตาทุกวัน บางคนเข้าใจผิดว่าเมื่อเรายังล้างหน้า อาบน้ำทุกวัน ก็น่าจะต้องล้างตา เพื่อความสะอาดของดวงตาด้วย เป็นความเข้าใจที่ผิด การล้างตาด้วยน้ำยาล้างตา กลับจะเป็นการไล่เอาน้ำตาจากธรรมชาติ ซึ่งดีกว่าน้ำยาล้างตา ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมาก ควรล้างตาเฉพาะในภาวะผิดปกติ ที่น้ำตาออกมาชะล้างไม่ทัน เช่น มีฝุ่นผง หรือสารเคมีเข้าตา |
|
|
ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง หรือใช้ยาหยอดของผู้อื่น เพียงรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติเหมือนกัน ยาหยอดตาควรจะเป็นของเฉพาะตัว ถึงแม้ว่าเมื่อคุณใช้ยาบางตัวแล้ว จะรู้สึกสบายตาดีก็ตาม ยาเกือบทุกชนิดที่มีคุณค่า ทำให้เราสบายตาหรือหายจากโรค มักจะมีผลแทรก-ซ้อนเล็กๆ น้อยไปจนถึงมาก บางคนหลงใช้ยาหยอดตารักษาอาการเล็กๆ น้อยๆ แต่นานเข้าเกิดผลแทรกซ้อนจากยานั้น โดยเกิดโรคตาที่รุนแรงกว่า โดยเฉพาะยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งทำให้สบายตา ตาหายแดง บางคนว่าหยอดแล้วตาหวาน แต่อาจก่อให้เกิดต้อกระจก ต้อหินในบางคนได้ |
|
|
ถ้าคุณมีบรรพบุรุษเป็นโรคตา ที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ เช่น ต้อหิน จอตาส่วนกลางเสื่อม คุณควรขอคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อเฝ้าระวังที่โรคเหล่านั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับคุณได้เช่นกัน การตรวจพบโรคแต่ระยะต้น จะทำให้การรักษาง่ายกว่า |
|
|
ถ้าคุณเป็นเบาหวาน นอกจากจะควบคุมเบาหวานให้ดีแล้ว ควรหมั่นพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจจอตาอย่างน้อยปีละครั้ง คนที่เป็นเบาหวาน จอตาอาจเสื่อมจากโรคเบาหวานได้ แม้จะควบคุมเบาหวานอย่างดีมาตลอดก็ตาม หากเบาหวานทำลายจอตาในระยะต้น ก็ยังสามารถรับการแก้ไขได้ โดยใช้แสงเลเซอร์สกัดกั้น มิให้โรคลุกลาม นอกจากนี้ ถ้าคุณบังเอิญเป็นโรคทางร่างกายบางอย่าง ที่ต้องใช้ยารักษาเป็นเวลานานๆ เช่น วัณโรค โรคเอสแอลอี โรคข้อ โรคผิวหนังบางชนิด ตลอดจนโรคไต ยารักษาโรคดังกล่าวอาจทำลายจอตาได้ จึงควรรับการตรวจตาอย่างละเอียดด้วยเสมอ |
|
|
ถึงคุณเป็นคนสายตาสั้นมาก ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตาหลายอย่าง ที่แฝงมากับภาวะสายตาสั้น ได้แก่ ต้อหิน จอตาฉีกขาด
จอตาหลุดลอก น้ำวุ้นในตาเสื่อม ซึ่งล้วนแต่เป็นโรครุนแรงทำให้ตาบอดได้ จึงควรศึกษาอาการของโรคดังกล่าว และรับการตรวจจากจักษุแพทย์ หากสงสัยหรืออย่างน้อยรับการตรวจตาปีละครั้ง |
|
|
ดื่มของมึนเมา น้ำชา กาแฟแต่พอควร แม้จะไม่มีโทษต่อตาโดยตรง แต่ถ้าดื่มมากเกินไป อาจทำให้ประสาทตาเสื่อมได้ โดยเฉพาะเหล้าเถื่อนประเภทเมธิลแอลกอฮอล์ สามารถทำลายประสาทตาทำให้ตาบอดได้ |
ศ.พญ. สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต จักษุแพทย์