สาระ่น่ารู้ - เบาหวาน |
---|
คำว่าโรคเบาหวาน เราได้มาจากคำว่า..Diabetes Mellitus (ไดอะบีติส เมลิตุส ) อันเป็นคำละติน มีรากศัพท์มาจาก ภาษากรีกและคำว่า..Diabetes.. หมายถึงนำพุ ส่วนคำว่า .. Mellitus.. แปลว่า น้ำผึ้ง ดังนั้นคำว่า
Diabetes
Mellitus.. จึงมีความหมายรวมว่า น้ำพุแห่งน้ำผึ้งสรุปความหมายรวมก็คือ โรคเบาหวาน คือ โรคซึ่งผู้ป่วยที่ขาดการดูแลรักษา มักถ่ายปัสสาวะบ่อย และมีปริมาณปัสสาวะมาก นอกจากนี้ น้ำปัสสาวะยังมีรสหวานจนมดตอมนั่นเอง
น้ำปัสสาวะที่ถ่ายออกมามาก มีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่น้ำตาลกลูโคส เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก ระบบเคมีในร่างกายเกิดการผิดปกติ อย่างไรก็ตาม แม้สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน จะมีอยู่หลายสาเหตุก็จริง แต่ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุ กลูโคสไปสะสมในกระแสเลือดมากเกินไป และขับออกทางปัสสาวะดังกล่าว ภาวะเคมีในร่างกายโดยปกติปริมาณกลูโคสในร่างกาย จะได้รับการดูแลควบคุมเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลูโคส ที่เราได้รับจากอาหารประจำวัน จากของหวาน หรือจากแหล่งคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ (อาทิ จากขนมปังหรือจากมันฝรั่ง) โดยตรง หรือโดยอ้อมจากสารอาหารอื่น เมื่อรางกายได้รับกลูโคส กลูโคสจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และกระจายไปทั่วร่างกาย ในส่วนที่จำเป็นต้องใช้พลังงาน แต่หากกลูโคสมีมากเกินความจำเป็น และร่างกายไม่นำไปใช้พลังงานในทันที กลูโคสส่วนเกินจะถูกแปรสภาพได้ 2 ลักษณะ คือ เป็นแป้งคาร์โบไฮเดรตในตับ หรือ เป็นไขมัน การที่ร่างกายจะแปรสภาพ น้ำตาลกลูโคสไปใช้เป็นพลังงาน หรือในการเก็บไว้ในร่างกาย จำเป็นต้องอาศัยอินซูลินอินซูลินคืออะไร ตับอ่อน เป็นอวัยวะส่วนที่ อยู่ในช่องท้อง ตำแหน่งค่อนไปทางด้านหลัง มีหน้าที่ในการผลิตสารหลายชนิด ภายในตับอ่อน จะมีกลุ่มเนื้อเยื่อขนาดเล็กที่เรียกว่า อิสเล็ต ออฟ แลงเกอร์ฮอร์น (Islet of langerhans) ซึ่งเนื่อเยื่อส่วนนี้ จะทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมปริมาณกลูโคสในเลือด เรียกฮอร์โมนชนิดนี้ว่า อินซูลิน (Insulin) อินซูลินทำหน้าที่อะไรบ้างอินซูลิน เป็นสารที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ในการแปลงน้ำตาลกลูโคสให้เป็นพลังงาน รวมทั้งปริมาณของอินซูลิน จะเกี่ยวพันกับปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือดอีกด้วย กล่าวคือ เมื่อปริมาณน้ำตาลกลูโคส ในกระแสเลือดมีระดับปกติ อินซูลินจะถูกขับออกมา เปิดล็อกให้กลูโคสผ่านเข้าสู่เนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ได้ และหากมีมากเกินความจำเป็น กลูโคสก็จะถูกขับออกภายในสองชั่วโมง อย่างไรก็ตาม หากอินซูลินถูกขับออกมา ไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรืออินซูลินไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ กลูโคสก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปสู่เนื้อเยื่อต่างๆ ได้ ทำให้มีกลูโคส ไปสะสมอยู่ในกระแสเลือด ทำให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นจะเกิดอะไรขึ้นหากอินซูลินทำหน้าที่บกพร่อง ระบบต่างๆ ของร่างกาย ที่ทำงานสอดประสารกัน จะได้รับผลกระทบ หากร่างกายขาดอินซูลิน หรืออินซูลิน ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ กลูโคสในกระแสเลือด ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน นั่นแสดงว่ากลูโคสในกระแสเลือด ไม่ถูกนำไปใช้เป็นพลังงาน และสะสมเกินระดับปกติ แหล่งพลังงานต่างๆ ในร่างกายจะถูกนำไปใช้ หากปรากฏว่าร่างกายขับอินซูลินออกมา ในปริมาณไม่เพียงพอ ร่างกายจะหันไปใช้พลังงานจากแป้ง และไขมัน ทำให้นำหนักตัวลดลง กลูโคสในน้ำปัสสาวะ โดยปกติแล้วระบบไต จะดูดกลูโคสกลับเข้าสู่กระแสเลือด แต่หากกลูโคสในกระแสเลือด มีความเข้มข้นสูงเกินไป ไตก็ไม่สามารถดูดกลับได้หมด จึงทำให้มีกลูโคสในน้ำปัสสาวะ ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีอาการอะไรบ้าง อาการที่สังเกตเป็นได้ชัดมีดังนี้ คือ เมื่อระดับกลูโคสในเลือดสูง ร่างกายจะปัสสาวะมาก และเมื่อถ่ายปัสสาวะมาก ร่างกายจำเป็นต้องได้รับน้ำในปริมาณมาก ดังนั้น ผู้ป่วยจึงมักกระหายน้ำ และคอแห้ง โดยหากน้ำปัสสาวะมีกลูโคสมาก จำทำให้เกิดอาการระคายเคือง บริเวณอวัยวะเพศ อันเกิดจากการติดเชื้อรา ระดับกลูโคสในกระแสเลือดสูง อาจทำให้เลนซ์ตาเปลี่ยนรูปได้เล็กน้อย ทำให้เกิดอาการตาพร่าได้ชั่วคราว ปริมาณไขมันในร่างกายที่ถูกนำมาชดเชย จะทำให้น้ำหนักตัวลดลง ผลกระทบระยะยาวของผู้ป่วยที่ไม่ใส่ใจดูแลรักษา หากมีปริมาณกลูโคสในเลือดสูงอยู่นานเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดตามส่วนต่างๆ พร้อมกันทีเดียวหลายจุด แต่ที่มักมีผลกระทบบ่อยๆ ได้แก่ ตา ประสาท และไต ประเภทของโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทที่ 1 คือโรคเบาหวานที่ต้องพึ่งอินซูลิน และประเภทที่ 2 คือโรคเบาหวานที่ไม่ต้องพึ่งอินซุลิน
|
|||||||||||||||||||||||||||
แหล่งข้อมูล : คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ - www.pharm.chula.ac.th | |||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved. |