โคเลสเตอรอล ในผู้ป่วย โรคเบาหวาน |
---|
ไขมันในเลือด มีอยู่หลายชนิดที่สำคัญ ได้แก่ โคเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) โคเลสเตอรอลในร่างกาย มาจากสองทางด้วยกัน คือ มาจากอาหาร อาหารที่มาจากพืช จะไม่มีโคเลสเตอรอล แต่อาหารที่มาจากสัตว์ จะมีโคเลสเตอรอลมากน้อยแตกต่างกันไป อาหารที่มีโคเลสเตอรอลมาก ได้แก่ พวกเครื่องในต่างๆ ไข่แดง และสัตว์มีกระดอง นอกจากนี้ ร่างกายยังสามารถสร้างโคเลสเตอรอลขึ้นเองได้ อวัยวะที่ทำหน้าที่ สร้างโคเลสเตอรอลที่สำคัญ คือ ตับและลำไส้ ไตรกลีเซอไรด์ในร่างกาย ก็มาจากอาหารที่รับประทาน และจากการสร้างขึ้นเองในร่างกายเช่นเดียวกัน อาหารที่ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้นมาก นอกจากอาหารมันๆ แล้วยังเกิดจากอาหารที่มีน้ำตาล และแป้งปริมาณมากๆ นอกจากนี้ สุรายังเป็นตัวกระตุ้น ให้ตับสร้างไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้นด้วย โคเลสเตอรอลในเลือดมีกี่ชนิด เมื่อท่านไปรับการตรวจเลือด เพื่อดูระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ค่าโคเลสเตอรอลที่ตรวจวัดได้ จะเป็นผลรวมของโคเลสเตอรอลที่ได้มาจากแอล ดี แอล โคเลสเตอรอล, เอช ดี แอล โคเลสเตอรอลและ วี แอล ดี แอล โคเลสเตอรอล (คือ ค่าไตรกลีเซอไรด์ หารด้วย 5) ในคนที่มีระดับไขมันในเลือดปกติ ร้อยละ 70 ของโคเลสเตอรอลที่วัดได้ มาจาก แอล ดี แอล และร้อยละ 17 มาจาก เอช ดี แอล ดังนั้น ส่วนใหญ่ของผู้ที่มีระดับโคเลสเตอรอลสูง จะเกิดจากการที่มี แอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีระดับเอช ดี แอล โคเลสเตอรอลสูงมาก ก็สามารถทำให้ ระดับโคเลสเตอรอลรวมสูงได้เช่นกัน ดังนั้นค่าที่ได้สามารถนำมาคำนวนหา แอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูง เป็นไขมันที่เป็นต้นเหตุ และเป็นตัวการที่สำคัญที่สุด ของโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ระดับแอล ดี แอล โคเลสเตอรอลในเลือดสูง มีความสัมพันธ์กับการเกิด โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และหลอดเลือดสมองตีบตัน ส่วน เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล เป็นไขมันที่มีหน้าที่ป้องกัน และต่อต้านการเกิดโรคหลอดเลือดแข็ง ระดับเอช ดี แอล โคเลสเตอรอลที่ต่ำ จะเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน นอกจากนี้ ไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่สูง ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหลอดเลือดแดงแข็งเช่นเดียวกัน โรคเบาหวานมีผลต่อระดับไขมันในเลือดอย่างไรบ้าง โรคเบาหวาน คือ โรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกาย สร้างฮอร์โมนอินสุลินลดลง หรือร่างกายตอบสนอง ต่อฤทธิ์ของฮอร์โมนอินสุลินลดลง ฮอร์โมนอินสุลินนอกจากจะมีผลต่อ ระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ยังมีผลต่อ การเผาผลาญไขมันในร่างกายด้วย โดยมีฤทธิ์ยับยั้งการสลายไขมันในร่างกาย ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวาน จึงพบความผิดปกติของไขมันในเลือด ได้บ่อยกว่าคนทั่วไป กล่าวคือ ผู้ป่วยเบาหวาน มักจะพบความผิดปกติ ของระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงขึ้น และระดับเอช ดี แอล โคเลสเตอรอลที่ลดลง ส่วนระดับแอล ดี แอล โคเลสเตอรอล มักจะไม่แตกต่างจาก คนที่ไม่เป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดที่ผิดปกติ ในผู้ป่วยเบาหวาน นอกจากจะเกิดจากโรคเบาหวานเองแล้ว ยังอาจเกิดจากยาต่างๆ ที่ใช้ร่วมด้วย เช่น ยาลดความดันโลหิตสูงบางชนิด นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรคเบาหวานเอง ได้แก่ โรคแทรกซ้อนทางไตในผู้ป่วยเบาหวาน หรือโรคเบาหวานลงไต ซึ่งจะมีผลทำให้ระดับแอล ดี แอล โคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น หรืออาจจะเกิดจากโรคไทรอยด์ ที่ทำงานผิดปกติเป็นต้น ไขมันในเลือดผิดปกติมีผลอย่างไรต่อผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันที่ผิดปกติ จะทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่เกิดการตีบตัน ซึ่งพบได้ทั้งในผู้ป่วยที่เป็น และไม่เป็นเบาหวาน แต่ผู้ป่วยเบาหวาน จะมีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากกว่าและ เกิดได้ในคนที่อายุน้อยกว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าระดับไขมันที่ผิดปกติ ยังสัมพันธ์กับการเกิด พยาธิสภาพของหลอดเลือดฝอย และมีผลต่อการควบคุม ระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานอีกด้วย ผลต่อหลอดเลือดแดงใหญ่ ทำให้หลอดเลือดแดงตีบตัน เป็นผลให้อวัยวะสำคัญต่างๆ ของร่างกายมีเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ เช่น ถ้าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน จะทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นผลให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หรือ เสียชีวิตโดยเฉียบพลันได้ ถ้าเกิดที่หลอดเลือดไปเลี้ยงสมองตีบตัน จะทำให้เกิดโรคอัมพาต โดยจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง หรือ ชาครึ่งซีก นอกจากนี้ ถ้าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงขาตีบตัน ก็จะทำให้เกิดอาการปวดบริเวณต้นขา หรือ น่องเวลาเดินไกลๆ และถ้าหลอดเลือดตีบมากๆ อาจจะทำให้เกิดแผลที่เท้าได้ และเป็นสาเหตุให้แผลที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวาน หายได้ยากและช้ากว่าปกติ ผลต่อหลอดเลือดแดงฝอย ระดับไขมันในเลือดที่สูง จะมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคแทรกซ้อน ที่หลอดเลือดฝอยของตา และไตในผู้ป่วยเบาหวาน หรือที่เรียกกันว่า เบาหวานขึ้นตาและลงไต เป็นผลให้การมองเห็นของสายตาลดลง และการทำงานของไตเสื่อม หรือไตวาย ผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดที่สูง จะมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวานสูงขึ้นได้ ซึ่งอธิบายได้จากกรดไขมันอิสระที่สูง กรดไขมันอิสระที่สูง จากภาวะที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง จะมีผลยับยั้งขบวนการเผาผลาญ น้ำตาลกลูโคสในเซลล์และ ยังทำให้มีการสร้าง และปล่อยน้ำตาลกลูโคสจากตับเพิ่มขึ้น และในทางกลับกัน ภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูง ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกาย มีฮอร์โมนอินสุลินไม่เพียงพอ หรือการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนอินสุลินลดลง ตับจึงสร้างไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้น และมีผลทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้ ผู้ป่วยเบาหวานควรจะมีระดับไขมันในเลือดเท่าไร
การรักษาไขมันในเลือดผิดปกติในผู้ป่วยเบาหวานทำได้อย่างไรบ้าง การรักษาประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 อย่าง คือ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายและ การใช้ยา การควบคุมอาหาร มีหลักดังต่อไปนี้
การออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะและ สม่ำเสมอ นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยลดระดับแอล ดี แอล โคเลสเตอรอลและ ทำให้ เอช ดี แอล โคเลสเตอรอลสูงขึ้นด้วย การใช้ยา ถ้าควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายแล้ว ไม่สามารถลดระดับไขมันในเลือด ถึงระดับที่ต้องการแล้ว จำเป็นต้องพิจารณา การใช้ยาลดระดับไขมันในเลือดร่วมด้วย ผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับไขมัน แอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูงอย่างเดียว หรือมีไขมันแอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูง ร่วมกับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ควรพิจารณาใช้ยาในกลุ่ม statin เป็นยากลุ่มแรก ในผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงอย่างเดียว ยาที่เหมาะสมคือ ยาในกลุ่ม fibrate ยาลดระดับไขมันในเลือด ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันพบว่ามีผลข้างเคียงน้อย และมีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ ยังพบว่าสามารถลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน และโรคหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แหล่งข้อมูล : www.heartandcholesterol.com | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved. |