หลังเหตุการณ์สึนามิ ดูเหมือนว่าป่าชายเลนที่ผู้คนละเลยไป จะกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เพราะนี่คือเกราะธรรมชาติที่ช่วยกำบังคลื่นลมได้เป็นอย่างดี ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาสำหรับคลื่นใหญ่ยักษ์ที่ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่ง
ไม่เพียงเท่านั้น ป่าชายเลนยังเป็นปอดผืนยักษ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสรรพชีวิตมากมาย เป็นคลังอาหารชั้นเยี่ยม และเป็นแหล่งรวมทรัพยากรอีกมากมายหลายอย่าง ป่าชายเลนถือได้ว่ามีคุณประโยชน์ต่อโลกและต่อมนุษยชาติเหลือคณา แต่น่าแปลกตรงที่มนุษย์ส่วนหนึ่งนอกจากจะไม่เห็นคุณค่าแล้ว ยังกลับทำลายทำร้ายป่าชายเลนอยู่ร่ำไป จนป่าชายเลนในเมืองไทยนับวันยิ่งมายิ่งเหลือน้อยลงทุกที แต่นั่นคงใช้ไม่ได้กับ ป่าชายเลนบ้านคลองโคน เมืองแม่กลองในวันนี้ ที่ชาวชุมชนได้ร่วมกันพลิกฟื้นผืนป่าที่เคยเสื่อมโทรม ให้กลับมาเขียวขจี และอุดมไปด้วยทรัพยากรทางทะเลอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งหากย้อนอดีตไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ป่าชายเลนคลองโคน (คลองโคลน) ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ถูกบุกทำลายเพื่อทำนากุ้ง และทำประโยชน์อื่นๆ จนแทบสิ้นสภาพป่าชายเลน ทำให้สรรพสัตว์ชายฝั่งค่อยๆ สูญหายไป ชาวบ้านไม่สามารถทำประมงชายฝั่งได้ เลยส่งพ้นให้บางคนต้องทิ้งถิ่นฐาน เพื่อไปรับจ้างหรือไปทำงานต่างถิ่น
แต่โชคยังดีที่ฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ คนในชุมชนมีมโนสำนึก เพราะในปี พ.ศ. 2534 ชาวบ้านในพื้นที่โดยการนำของ อย่าง ไพบูลย์ รัตนพงศ์ธระ หรือผู้ใหญ่ชงค์ ได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลน เพื่อฟื้นฟูสภาพความอุดมสมบูรณ์ให้กลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งผู้ใหญ่ชงค์บอกว่า ช่วงแรกๆ ก็ประสบกับปัญหาสารพัดสารเพ ทั้งการคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่จะปลูก การอยู่รอดของพันธุ์ไม้หลังการปลูก และการไม่รวมมือของชาวบ้านบางคน
แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผู้ใหญ่ชงค์และชาวบ้านกลุ่มหนึ่งย่อท้อ พวกเขายังคงเดินหน้าปลูกป่าต่อไป หน่วยงานของรัฐเริ่มให้ความสนใจ
ส่วนที่ถือยังความปลาบปลื้มให้กับชาวบ้านอย่างล้นพ้นก็คือ การได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเห็นความสำคัญของการปลูกป่าชายเลนคลองโคน จึงได้เสด็จมาปลูกป่าที่นี่ด้วยพระองค์เองในปี พ.ศ. 2540, 2541, 2542, 2545 และ 2547
ส่งผลให้ปัจจุบันป่าชายเลนคลองโคนพลิกฟื้นขึ้นมาเขียวขจีอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรชายฝั่งมากมาย ช่วยปลุกวิถีการทำประมงพื้นบ้านชายฝั่งให้กลับมาคึกคัก รวมไปถึงอาชีพที่เกี่ยวเนื่อง โดยชาวบ้านได้รวมกันเป็นกลุ่มอาชีพต่างๆ ตามความถนัด ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มกระเตง (ขนำกลางทะเล) กลุ่มชาวเรือกลุ่มทำอาหาร เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านั้น ชาวชุมชนบ้านคลองโคน ยังรวมตัวกันจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ขึ้นในพื้นที่ป่าชายเลนคลองโคน เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับชุมชน และเพื่อส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวราคาเยา แต่ว่ามีประโยชน์ได้ทั้งความสนุก ได้สาระความรู้ และความรู้สึกดีๆ ที่ได้รวมกันอนุรักษ์ธรรมชาติควบคู่กันไป
และนั่นคือสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางสู่บ้านคลองโคน เพื่อออกท่องทะเลชมธรรมชาติ และวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน โดยอาจเริ่มจากการเดินทางไปยัง ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองโคน เพื่อนั่งเรือหางยาวความจุประมาณ 5 คนต่อลำ เพื่อล่องชมวิถีการทำประมงพื้นบ้าน รับลมเย็นๆ สัมผัสกับบรรยากาศของป่าชายเลนสองข้างทาง ซึ่งป่าชายเลนที่นี่มีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ที่ปลูกอย่างเป็นระเบียบเรียงรายสวยงาม
จากนั้น พลขับบังคับเรือหางยาวเข้าไปใกล้ๆ ผืนป่า เพื่อให้อาหารกับลิงแสมเป็นฝูงที่โผล่ออกมาชูหน้าสลอนทักทาย
สำหรับลิงแสมที่นี่หางยาวมาก ขนตามตัวมีสีเทาปนน้ำตาล และี่สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้เก่งทีเดียว และมันชอบกิน กุ้ง หอย ยอดไม้บางชนิด ไข่นก ผลไม้และแมลงต่างๆ ส่วนอาหารที่มันโปรดมากก็คือ ปู นั่นเอง
หลังทักทายให้อาหารลิงแสมกันพอหอมปากหอมคอ ก็มุ่งหน้าต่อเพื่อไปดูการจับปลา ด้วยวิธีการเหวี่ยงแหกลางทะเล โดยคนจับปลาจะอยู่บนเรือเล็ก แล้วเหวี่ยงแหลงไปในจุดที่ต้องการ จากนั้นรอสักพักแล้วจึงค่อยๆ ดึงแหขึ้นมา ซึ่งจะติดปลากระบอกมาเป็นส่วนใหญ่
เสร็จสิ้นจากการชมการเหวี่ยงแหแล้ว ไปต่อที่ฟาร์มหอยนางรมขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นแถวยาว เป็นฟาร์มหอยที่ทำด้วยไม่ไผ่ มองเห็นหอยเกาะติดกันเป็นพวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของฟาร์มได้ยกพวงหอยขึ้นมาจากน้ำ ให้ได้ชื่นชมกันอย่างถนัดถนี่ตา ก่อนเดินทางต่อไปยัง กระเตง ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้
กระเตง เป็นกระท่อมพักหรือขนำกลางทะเลที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ ไว้เฝ้าฟาร์มหอย แต่ละท้องที่ออกเสียงแตกต่างกันไป ทั้งกระเตง กระเต็ง กะเตง กะเต็ง สำหรับกระเตงที่เราขึ้นไปนั้นมี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และมีข้าวของเครื่องใช้ครบคันสำหรับการพักอาศัย
กระเตง 1 หลัง สามารถจุคนได้ราว 15 คน จากกระเตงเมื่อมองออกไป จะเห็นทิวทัศน์ของท้องทะเล และผืนป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ สมทบด้วยเสียงคลื่นและลมเย็นๆ ที่พัดโชยมาตลอด และในตอนกลางคืนหากโชคดี จะเห็นหิ่งห้อยบินส่องแสงไฟระยิบระยับ นับว่าเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกไม่เบา ซึ่งหากใครสนใจก็สามารถที่ต่อกับทางศูนย์เพื่อพักค้างบนกระเตงได้
นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมปลูกป่าชายเลน สร้างเพิ่มเขียวให้โลกรอคอยอยู่ สำหรับต้นไม้ที่ปลูกก็มี โกงกาง ต้นแสม ลำพู ซึ่งเจ้าหน้าที่ของแหล่งอนุรักษ์ป่าชายเลน จะจัดเตรียมพันธุ์ไม้ไว้ให้เสร็จสรรพ เพียงแค่ทำหน้าที่ปักลงไปในเลนแค่นั้นเอง ถือเป็นเรื่องง่ายที่สามารถช่วยโลก และทรงคุณค่าไม่น้อยเลย
นอกจากการปลูกป่าชายเลนแล้ว ที่นี่ยังมีการงมหอยแครง การจับกุ้ง และการนั่งกระดานเลน หรือการถีบกระดานเลน เก็บหอยแครงบนเลนเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมมันๆ เลอะๆ ที่สนุกสนานไม่เบาเป็นการปิดท้ายทริป
รายละเอียดเกี่ยวกับป่าชายเลนคลองโคน
|
ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม |
|
|
|
รายละเีอียด : ผู้ที่สนใจอยากจะเข้ามาเที่ยวชมป่าชายเลน หรือมาพักกินข้าวบนกระเตง และทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งมีทั้งการเที่ยวแบบวันเดียว และค้างคืนให้เลือกตามความต้องการ โดยสามารถเหมาจ่ายค่าทำกิจกรรมทั้งวัน เพียงคนละ 600 บาท
ส่วนผู้ที่สนใจอยากพักค้างแรมบนกระเตง สัมผัสธรรมชาติในยามค่ำคืน สามารถเหมากระเตงได้ในราคา 1 หลัง 2,000 บาท อยู่ได้ 15 คน |
|
|
|
สอบถามรายละเีอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.
- พีร์นิธิ (เชษฐ์) รัตนะพงศ์ธระ (ลูกชายผู้ใหญ่ชงค์) : 08-6177-7942, 034-731188
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคกลางเขต 2 : 032-471005-6
|
ผู้จัดการออนไลน์ - 5 มีนาคม 2551
|