แม้ยิ่งสูงจะยิ่งหนาว แต่ยิ่งสูงยิ่งหนาว ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งแห่งมนุษยชาติ แม้จะยิ่งสูงยิ่งท้าทาย แต่ความท้าทายในหลายพื้นที่ มีความงดงามปรากฏอยู่ เฉกเช่นดัง ดอยวาวี ใน อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ที่นับเป็นหนึ่งในดอย ที่มีบรรยากาศโรแมนติกไม่ใช่น้อย เพราะดอยแห่งนี้ยามหน้าหนาว ดอกซากุระจะพากันผลิดอกบาน ย้อมบริเวณที่ปลูกเป็นสีชมพูสดใส ดูเพลินใจ เพลินตา
ดอกซากุระที่นี่ ไม่ใช่ซากุระจากแดนอาทิตย์อุทัย หากแต่เป็นซากุระเมืองไทย หรือต้นนางพญาเสือโคร่งที่ยามคลี่กลีบแย้มบาน พร่างพราวเต็มต้น ความงดงามไม่ได้เป็นรองซากุระ จากแดนอาทิตย์อุทัยแต่อย่างใด
ซากุระเมืองไทย เป็นพันธุ์ไม้ป่าตระกูลเดียวกับบ๊วย ท้อ พลัม เชอร์รี่ หรือ ซากุระ พบในที่สูงอากาศหนาวเย็น ตามยอดดอยในภาคเหนือ อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และน่าน ซึ่งปัจจุบันตามสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่ง จะมีซากุระเป็นนางเอกชูโรงในหน้าหนาว อาทิ ดอยอ่างขาง ดอยแม่สลอง ดอยอินทนนท์ ขุนวาง แม่จอนหลวง
ตระการตา ซากุระบาน
ว่ากันว่าดอยวาวีที่ตั้งอยู่บนทิวเขา อันสลับซับซ้อนแห่งเทือกเขาผีปันน้ำตะวันตก เป็นอาณาจักรแห่งซากุระ (ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เพราะมีการปลูกซากุระมากถึง 400,000 ต้น เลยทีเดียว สำหรับจุดชมความงามของซากุระ ที่ดอยวาวีนั้นอยู่ที่ีศูนย์บริการวิชาการ ด้านพืชและปัจจัยการผลิตเชียงราย (สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี) บน ดอยช้าง เขาลูกหนึ่งแห่งดอยวาวี ที่มีรูปร่างเหมือนช้างสองแม่ลูก
สถานีฯ วาวีแห่งนี้ แม้จะเดินทางขึ้นลำบาก เพราะต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางยิ่งนัก เพราะในสถานีแห่งนี้ ครบเครื่องทั้งเรื่อง ชม เรื่อง ชิม และเรื่อง ช้อป (เล็กๆ) ด้วย แถมยังเป็นแหล่งศึกษา ดูงาน ท่องเที่ยว เชิงเกษตร อันสวยงามแห่งหนึ่งของเชียงราย ซึ่งก่อนที่จะไปชมสิ่งที่น่าสนใจ ภายในสถานีแห่งนี้ สามารถเติมพลัง ด้วยการจิบกาแฟสดดอยช้าง (ฟรี) ซึ่งนี่คือ สุดยอดกาแฟคุณภาพของเมืองไทย เป็นกาแฟพันธุ์อาราบริก้า ที่ให้กลิ่นหอมกรุ่น พร้อมด้วยอันรสชาติเข้มข้นถึงใจ
จากนั้นก็เป็นการเดินทอดน่อง ชมสิ่งสวยๆ งามๆ ในสถานีฯ วาวี ที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200-1,500 เมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อบอวลไปด้วยบรรยากาศ อันสวยงามของแปลงไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกกระดาษ ป๊อบปี้ พิทูเนีย ซัลเซีย บิโกเนีย ลำโพงขาว กุหลาบพันปี ฯลฯ อีกทั้งยังมีว่านสี่ทิศหลายสายพันธุ์ ทั้งสีแดง ชมพู ที่ออกดอกชูช่อไปทั่วทั้งแปลง
ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์ หรือนางเอกแห่งวาวีดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ซึ่งหนึ่งปีบานเพียงครั้งเดียว ในช่วงหน้าหนาวระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ. ก็คือ ซากุระเมืองไทย ที่หากไปถูกช่วงถูกเวลาแล้ว เราจะพบดอกซากุระออกดอกชมพู สดใสบานสวยงาม เต็มทั่วสถานีไปหมด ไม่เพียงแต่ดอกซากุระสีชมพูเท่านั้น แต่บนดอยช้าง ยังมีดอกซากุระสีขาวให้ชมอีกด้วย
และถ้าใครไปถูกจังหวะเวลา ก็จะได้ชิม และช้อปผลไม้เมืองหนาวอย่าง สตรอเบอร์รี่ ท้อ บ๊วย สาลี่ พลัม สดๆ ใหม่ๆ ที่เพิ่งเก็บจากต้น สำหรับบ๊วยนั้น แม้จะเป็นผลไม้ชื่อไม่เพราะ แต่ว่าไม่เพียงมีรสชาติยอดเยี่ยมเท่านั้น ดอกบ๊วยสีขาว ที่บานสะพรั่งเต็มต้น ช่วงหน้าหนาวนั้น ก็สวยงามไม่เบา แถมยามมองไกลๆ ดอกบ๊วยจะดูคล้าย ดอกซากุระขาวไม่น้อย (เป็นพืชตระกูลเดียวกัน) จนหลายๆ คนเข้าใจผิดคิดว่า เจ้าดอกบ๊วยเป็นดอกซากุระขาวไป
นอกจากไม้เมืองหนาวสวยๆ งามๆ แล้ว ในสถานีฯ วาวียังมี พุทธอุทยาน อันเป็นที่ประดิษฐาน ของพระพุทธรูปสมเด็จพระพุทธสิกชี สิ่งศักดิ์สิทธ์คู่สถานีฯ ท่ามกลางสวนไผ่ และพันธุ์ไม้ป่า ที่ร่มรื่นแต่แฝงไว้ด้วย ความขรึมขลังเปี่ยมศรัทธา กลางพุทธอุทยาน มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 9 แห่ง ที่นำไปทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาฯ ซึ่งมีน้ำใสสะอาด ไหลเย็นฉ่ำตลอดทั้งปี ไม่เคยเหือดแห้ง หลายๆ คนนิยมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาล้างหน้า ล้างตา ดื่มกิน เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต
จุดน่าสนใจบนดอยช้าง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะจากพุทธอุทยานขึ้นเขาไปอีกราว 2 กม. ก็จะเป็น จุดชมวิวบนยอดดอยช้างบนระดับความสูงประมาณ 1,700 เมตร ภูมิทัศน์บนจุดชมวิวดอยช้าง ช่างงดงามนัก งามทั้งสวนประดับ ที่มีไม้เมืองหนาวขึ้นเรียงราย เสริมแต่งองค์ประกอบให้กันอย่างลงตัว งามทั้งทิวทัศน์ของทะเลภูเขา อันสลับซับซ้อนมองเห็นทั้งเชียงราย เชียงใหม่ และเมืองยอนของพม่า ยิ่งยามที่อาทิตย์อัสดง (ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ) บนดอยช้างนี่ยิ่งดูงดงามจับใจ เพราะมีทั้งมุมกว้างของทะเลภูเขา หรือมุมที่มีฉากหน้าของต้นไม้สวยๆ งามๆ ให้เลือกถ่ายรูปกันตามใจชอบ
ยลวิถีชนเผ่าเคล้าชารสเลิศ
บนดอยวาวี ยังมีความเป็นเอกอุอีกอย่างหนึ่ง ที่ชวนให้หลงใหล หลงรส นั่นก็คือ เสน่ห์แห่ง "ชา" ที่ชาวบ้านบนดอยวาวี ปลูกกันเป็นอาชีพหลัก อย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะที่นี่มีชาวจีนฮ่อ หรือจีนยูนนานมาอาศัยอยู่ ยุคเดียวกับกองพล 93 ที่ดอยแม่สลอง (ที่ขึ้นชื่อเรื่องชาเช่นกัน) ส่งผลให้บนดอยวาวีนิยมปลูกชากันมาก
ชาบนดอยวาวี มีทั้งชาพันธุ์พื้นเมืองสายพันธุ์ "อัสสัม" ชาสายพันธุ์ไต้หวันอย่างชิงชิง เบอร์ 12, 13 และชา "อู่หลง" ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะดอยวาวี ถือเป็นแหล่งปลูกชาอู่หลงแห่งแรกของเมืองไทย
ลุงพังโก : พินิจ พิทักษ์วารี ชายอายุ 60 กว่าๆ ผู้ที่ติดใจในรสชาติชาอู่หลง จนถึงขนาดแอบลักลอบนำต้นชาอู่หลงพันธุ์ดี เข้ามาปลูกในเมืองไทย เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว และลองผิดลองถูกอยู่ 8 ปี จนปัจจุบันได้พัฒนาเป็นชาอู่หลงแบบไทยๆ ที่รสชาติยอดเยี่ยม ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอู่หลงของไต้หวัน แถมยังส่งไปตีตลาดที่ไต้หวันอีกด้วย
นอกจากจะมีชาให้ชิมให้ช้อป (หาซื้อหาชิมได้ตามร้านขายชาทั่วไป) แล้ว ดอยวาวียังมีชาให้ชมด้วย ซึ่งนอกจากไร่ชา ที่ชาวบ้านปลูกเรียงราย ลดหลั่นไปตามไหล่เขาแล้ว ดอยวาวียังมีต้น "ชาพันปี" ที่บ้านใหม่พัฒนา เป็นหนึ่งในจุดสนใจทางการท่องเที่ยว ชาพันปีต้นนี้ วัดเส้นรอบวงบริเวณโคนต้นได้ 150 เซนติเมตร สูงถึง 20 เมตร เป็นชาสายพันธุ์อัสสัม ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ บนดอยวาวีมาช้านานแล้ว ชาวบ้านนิยมนำใบมาทำ "เมี่ยง" กินให้ความกระชุ่มกระชวย
บนดอยวาวียังไม่หมดของดีเพียงเท่านี้ เพราะการที่ดอยแห่งนี้ มีชนเผ่าอาศัยอยู่ถึง 13 ชนเผ่า อาทิ อาข่า (มีอยู่เยอะที่สุด) มูเซอ ลีซอ เย้า กะเหรี่ยง จีนฮ่อ และเผ่าอื่นๆ ก็ทำให้ดอยแห่งนี้ มีวัฒนธรรมและประเพณี การแต่งกาย บ้านเรือน และภาษา ของแต่ละชนเผ่า ที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป แต่ว่าทุกคนบนดอยวาวี ต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติที่โอบล้อม
สำหรับหนาวนี้ หนาวหน้า หรือช่วงเวลาไหนๆ ใครที่อยากไปเที่ยวชมดอยวาวี ก็สามารถหาเวลาเดินทางไปกันได้ แม้ดอยวาวีจะอยู่ในพื้นที่ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ว่าก็เป็นความสูงและความหนาว ที่มากไปด้วยเสน่ห์อันชวนหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
รายละเอียดเกี่ยวกับดอยวาวี
|
ที่ตั้ง : อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย |
|
การเดินทาง : รถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมือง ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ประมาณ 22 กม. จะถึงทางแยกไป อำเภอแม่สรวย ให้เลี้ยวขวาที่บ้านปากทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 118 อีกประมาณ 30 กม. ก็จะถึงสามแยกบ้านตีนดอย ที่เป็นเส้นทางขึ้นไปเที่ยว ตามจุดต่างๆบนดอยวาวี ซึ่งเส้นทางท่องเที่ยวบางแห่ง เป็นถนนลูกรัง คดเคี้ยว และสูงชัน ต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป (ควรสอบถามเส้นทางก่อน)
รถประจำทาง หากไปด้วยรถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถสองแถวที่ อำเภอแม่สรวย - ดอยช้าง ค่าโดยสาร ประมาณคนละ 30 - 40 บาท เวลา 10.00 - 15.00 น. มีบริการวันละ 3 เที่ยว หรือเช่าเหมารถสองแถว จากสถานีขนส่ง อำเภอเมืองเชียงราย ราคาประมาณ 300-500 บาท
|
|
สอบถามรายละเีอียดเพิ่มเติมได้ที่
- อบต.วาวี โทร. 053-605950
-
สมาคมท่องเที่ยวเชียงราย โทร. 053-601299, 053-715690
-
สถานีฯ เกษตรวาวี 053-605932, 053-605934 |
ผู้จัดการออนไลน์ 17 มกราคม 2550
|