หน้าแรก
ข้อมูลสุขภาพ
เว็บ สุขภาพ
ร้านอาหาร เพื่อสุขภาพ
เว็บ โรงพยาบาล
โรคจุดซ่อนเร้นน่ารู้
ข้อมูลสุขภาพ
สุขภาพใจ สุขภาพจิต
โรคหัวใจ
โรคมะเร็ง
เบาหวาน
โคเลสเตอรอล
ไต
สุภาพสตรี
ผู้สูงอายุ
กระดูกและข้อ
ฟัน
โรคอ้วน
เฉพาะด้านอื่นๆ
สารอาหาร
ทั่วไป
 


คนเรามักจะมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่เสมอ หากสิ่งผิดปกติเหล่านั้นเกิดขึ้นภายนอกร่างกายของเราก็ดีไปอย่าง เพราะสามารถสังเกตเห็นได้ชัด และรักษาให้หายได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะที่หากมันเกิดขึ้นภายในบางทีการละเลย ไม่เป็นที่สังเกต อาจจะทำให้เชื้อร้ายลุกลามจนบางทียากที่จะแก้ไขได้

วันนี้ผมจะพูดถึงโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิง และเชื่อว่าหลายท่านอาจจะเคยมีปัญหาคัน บริเวณที่ลับเฉพาะกันมาบ้าง ใครที่มีอาการคันอย่าปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด เพราะบางทีอาจจะอยู่ในข่ายของ โรคภัยใกล้ตัวที่ผมจะนำเสนอ ณ ที่นี้ คือ ช่องคลอด หรือปากช่องคลอดอักเสบ

ความผิดปกติที่เกิดขึ้น จะมีลักษณะคล้ายกับตกขาวในผู้หญิง แต่มีความรุนแรงมากกว่า โดยสามารถแบ่งแยกตามสาเหตุของโรค ซึ่งมีอยู่ 2 สาเหตุด้วยกันคือ ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา และจากเชื้อพยาธิโคโมแนส เชื้อราพาช่องคลอดป่วย

โดยปกติในช่องคลอดของผู้หญิงทุกคน จะมีเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า แคนติดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับที่ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาว ในช่องคลอดเชื้อราตัวนี้จะไม่ทำอันตรายต่อเรา เพราะในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ไม่มีพิษภัย แต่จะสร้างกรดมาช่วยควบคุม ไม่ให้เชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตได้ ส่วนคนที่มีอาการช่องคลอดอักเสบนั้น เนื่องจากแบคทีเรียตัวนี้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก

ส่วนสาเหตุที่ทำให้แบคทีเรียตัวนี้ถูกทำลายนั้นก็คือ การกินยาปฏิชีวนะ เช่น เตตราไซคลีน อะม็อกซิซิลลิน เป็นต้น รวมทั้งการรับประทานยาคุมกำเนิด การสวนล้างช่องคลอดบ่อยครั้ง จนถึงการตั้งครรภ์ ที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในช่องคลอด ก็อาจจะทำให้ภายในช่องคลอดมีสภาพเอื้ออำนวย ให้เชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตมากขึ้น

ช่องคลอดป่วยด้วยพยาธิ

สำหรับสาเหตุของช่องคลอดอักเสบอีกอย่างหนึ่งคือ เชื้อพยาธิทริโคโมแนส พยาธิตัวนี้เป็นเชื้อโปรโตซัว ที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า จะพบในลำไส้ของผู้ชายและผู้หญิง พยาธิตัวนี้จะไม่ทำให้เกิดอาการใดๆ จนกระทั่งมันเข้าไปอยู่ในช่องคลอด ท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ หรือต่อมลูกหมาก หากมันเข้าไปอยู่จะทำให้เกิดอาการอักเสบได้

สาเหตุที่ทำให้พยาธิตัวนี้เข้าสู่ช่องคลอดได้นั้น มาจากการทำความสะอาดผิดวิธี เนื่องจากพยาธิตัวนี้จะอาศัยอยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ การทำความสะอาดจากส่วนของทวารหนักขึ้นมาข้างบน ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อพยาธิตัวนี้ นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อพยาธินี้อยู่ ก็อาจทำให้เชื้อเข้าสู่ภายในช่องคลอดได้

จากการทดสอบท่อปัสสาวะของผู้ชาย พบเชื้อเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในน้ำอสุจิพบถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามปกติแล้วพยาธิตัวนี้ มักจะถูกขับออกทางปัสสาวะใน 1 สัปดาห์ และหากผู้หญิงท่านใดเกิดมีเพศสัมพันธ์ กับชายที่มีเชื้อของพยาธิตัวนี้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เพราะจากการทดสอบพยาธิตัวนี้ ชอบอยู่ในช่องคลอด เพราะในช่องคลอดมีอุณหภูมิ และความชื้นที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม เชื้อพยาธิทริโคโมแนสมิใช่มีผลกระทบต่อผู้หญิงเท่านั้น แต่หากมันได้เข้าไปอาศัย และแพร่พันธุ์ในท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจจะให้เกิดความผิดปกติในผู้ชายได้ คือมีน้ำขาวใสออกจากท่อปัสสาวะ และมีอาการเจ็บปวดเวลาปัสสาวะ ถ้ามีการติดเชื้อที่ต่อมลูกหมาก จะมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ

ช่องคลอดอักเสบ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง

ผู้หญิงท่านใดที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้อย่าเพิ่งตกใจ แค่สังเกตตัวเองก็พอ เพราะอาการคันในที่ลับเฉพาะนั้น อาจมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งมีความรุนแรงมากน้อย แตกต่างกันไป สำหรับคนที่เป็นช่องคลอดอักเสบนั้น สามารถแยกย่อยออกเป็น 2 กลุ่ม ตามสาเหตุของการเกิดโรค

คนที่ช่องคลอดอักเสบที่มีสาเหตุมาจากเชื้อรา จะรู้สึกคันในช่องคลอด หรือรอบๆ ปากช่องคลอดอย่างมาก และมีตกขาวเป็นลักษณะข้นขาวคล้ายแป้งเปียก หรือคราบนม อาจมีความรู้สึกเจ็บขณะร่วมเพศ หรือปัสสาวะบ่อย และอาจจะปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย บางคนเป็นมากอาจจะมีผื่นแดงรอบๆ ปากช่องคลอดหรือบริเวณขาหนีบ ซึ่งสร้างความรำคาญใจแก่ผู้เป็นอย่างมาก

ส่วนกรณีผู้ป่วยช่องคลอดอักเสบจากเชื้อพยาธิ จะรู้สึกคันภายนอก หรือภายในช่องคลอดมาก บางครั้งมีขัดเบา และตกขาว ออกเป็นสีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเหม็น ผลจากการตกขาวทำให้มีอาการบวมแดง และปวดขณะปัสสาวะ มักมีปริมาณปัสสาวะมาก และมีลักษณะเป็นฟอง หากการอักเสบลุกลามเข้าไปทางท่อปัสสาวะ จะทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้เช่นกัน

นอกจากนี้ การติดเชื้อพยาธิทริโคโมแนส เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งของมะเร็งปากมดลูกได้ หากมีการปล่อยปละละเลยนานเกินไป เนื่องจากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ บริเวณปากมดลูกจนกลายเป็นมะเร็ง แต่ถ้าได้รับการรักษาทันที เมื่อหายจากติดเชื้อ ก็จะกลับสู่สภาพปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป ในรายที่มีการตั้งครรภ์ หากเกิดการติดเชื้อในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย และมีภูมิต้านทานต่ำ

ดังนั้น การจะให้ร่างกายเราปราศจากโรคภัย คือการเสริมสร้างภูมิชีวิตของตนเองให้แข็งแรง ทั้งนี้นอกจากจะออกกำลังกาย และรับประทานอาการให้ถูกสุขลักษณะแล้ว เราจำเป็นต้องเข้าใจถึงระบบการทำงานของร่างกายเราด้วย หากเราเข้าใจอย่างผิดๆ แน่นอนว่าโรคภัยไข้เจ็บจะถามหาท่านอย่างแน่นอน

ป้องกันการอักเสบตามสาเหตุ

เมื่อทราบว่าสาเหตุของช่องคลอดอักเสบ มาจาก 2 สาเหตุด้วยกัน ดังนั้น จึงขอแบ่งวิธีการป้องกันแก้ไขไว้เป็น 2 ประเภท คือ

 
•
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา จะไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่มีอาการคันในช่องคลอดอย่างรุนแรง จนบางครั้งทำให้เสียบุคลิกภาพ หากท่านใดกินยาคุมกำเนิดอยู่ ควรเลิกสักระยะ และหันไปคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นแทน นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงการสวมกางเกงในที่ทำจากผ้าไนล่อน รวมทั้งไม่ควรสวนล้างช่องคลอดโดยไม่จำเป็น และไม่ควรกินยาปฏิชีวนะ ที่มักจะแฝงตัวมากับยาชุดต่างๆ เพราะจะไปทำให้ภูมิชีวิตในร่างกายเสียสมดุลไป โดยไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องคลอด แล้วเอื้ออำนวยให้สภาพในช่องคลอดเหมาะสม ต่อการแพร่ขยายของเชื้อราตัวนี้ต่อไป
 
•
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อพยาธิ เชื้อพยาธิชนิดนี้ติดต่อได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้น คู่สามีภรรยาควรรักเดียวใจเดียว นอกจากนี้ ควรรักษาสุขภาพอนามัยอยู่เสมอ เช่น การชำระล้างบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ จะต้องล้างจากข้างหน้าไป ข้างหลังเสมอ และไม่ควรใช้สิ่งของที่ใช้กับทวารหนัก แล้วกลับมาใช้กับช่องคลอด การใช้ห้องน้ำรวมจะต้องระวังไม่นั่งบนโถส้วม หรือถ้าจำเป็นต้องนั่งควรใช้กระดาษชำระเช็ดให้สะอาดเสียก่อน ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดตัวที่เป็นผ้าสักหลาด หรือใช้ชุดว่ายน้ำ ร่วมกับผู้อื่น ควรสวมเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี ควรใช้กางเกงในที่ทำด้วยผ้าฝ้าย เพื่อจะได้แห้งและเย็นสบายไม่อับชื้น เนื่องจากพยาธิทริโคโมแนสชอบอยู่ในที่อับชื้น

การล้างช่องคลอด เพื่อรักษาความสะอาดภายใน เป็นความคิดที่ผิด เพราะเป็นการทำลายเชื้อแบคทีเรีย ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเกิดขึ้นแทน

 

นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 115

 
       
    แหล่งข้อมูล : www.cheewajit.com  
   
ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
 
หาหมอสูติที่ถูกใจ...ได้อย่างไร
 
ตรวจภายในไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
 
ตรวจก่อน รู้ก่อน ปลอดภัยกว่า
 
สำรวจจุดซ่อนเร้นก่อนสายเกินแก้ ก้
 
เรื่องของตรงนั้น... ที่ชั้นใน
 
   
 
 
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved.