หน้าแรก
ข้อมูลสุขภาพ
เว็บ สุขภาพ
ร้านอาหาร เพื่อสุขภาพ
เว็บ โรงพยาบาล
สำรวจจุดซ่อนเร้นก่อนสายเกินแก้
ข้อมูลสุขภาพ
สุขภาพใจ สุขภาพจิต
โรคหัวใจ
โรคมะเร็ง
เบาหวาน
โคเลสเตอรอล
ไต
สุภาพสตรี
ผู้สูงอายุ
กระดูกและข้อ
ฟัน
โรคอ้วน
เฉพาะด้านอื่นๆ
สารอาหาร
ทั่วไป
 


ทำไมจึงต้องสำรวจจุดซ่อนเร้น?

ก็เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเต้านม ผิวหนัง ตา หู ฯลฯ ที่ี่เราควรการสำรวจด้วยต้วเองเป็นประจำ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งก่อนลงมือสำรวจควร

 
1.
ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มสำรวจ
 
2.
นั่งกึ่งนอนเอนตัวพิงหมอนในท่าที่สบาย ยกหลังขึ้นหรือจะนั่งคุกเข่าแยกขาออกจากกัน
 
3.
เอากระจก และไฟส่อง เพื่อให้มองเห็นคุณหนูจิ๋มให้ถนัดและชัดเจน
 
4.
สำรวจไล่เรื่อยจากผิวหนังรูขุมขนที่หัวเหน่า ลงไปที่แคมนอก จนถึงฝีเย็บและทวารหนัก
 
5.
จากนั้นใช้นิ้วมือทั้งสองข้างแล้วแต่ถนัด แยกหลืบของแต่ละชั้นเพื่อสำรวจ โดยเริ่มตั้งแต่ แคมนอก คลิทอริส หลืบแคมใน เพื่อดูรูเปิดของท่อปัสสาวะและช่องคลอด โดยตลอดการสำรวจจุดซ่อนเร้นด้วยตนเองให้ค้นหาว่า
 
•
มีรอยแดงที่ไหน
 
•
มีการบวมหรือไม่
 
•
มีจุดด่างสีจางลงหรือคล้ำขึ้นของพื้นผิวหรือไม่
 
•
มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองหรือไม่
 
•
มีความขรุขระหรือเป็นก้อนนูนที่ไหน
 
•
หรือมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น
    พร้อมกับสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่
   
 
-
คัน ระคายเคือง
 
-
มีเลือดออก
 
-
ปวดแสบปวดร้อน
 
-
รู้สีกไม่สบาย อึดอัดและปวด

ถ้ามีอาการหรือสังเกตว่ามีอะไรผิดปกติไป ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุ ก็จะทำให้แก้ไขปัญหาได้แต่เนิ่นๆ

คุณหนูจิ๋มจะมีปัญหาอะไรได้บ้าง

มีปัญหามากมายที่สามารถเกิดขึ้นได้กับหนูจิ๋ม บางอาการเป็นปัญหา ที่เกิดจากหลายสาเหตุ และบางสาเหตุ ก็อาจมีหลายอาการเกิดร่วมกันอยู่ นั่นคือสิ่งที่ต้องให้หมอช่วยตรวจดูให้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซักถามประวัต ิและอาการเพิ่มเติมจากที่คุณบอก การตรวจภายใน หรืออาจต้องใช้แลปช่วยค้นหาสาเหตุ และการติดตามผลการรักษา ว่ายังมีปัญหาต่อเนื่องอยู่อีกหรือไม่ ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยๆ บริเวณจุดซ่อนเร้นคือ

 
•
เชื้อรา (yeast, candida, fungus)
    เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากๆ เวลาที่มีเชื้อราที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด ก็มักจะมีการติดเชี้อด้วยเสมอ อาการที่มักจะมีก็คือ คัน แสบร้อน แดง ถ้าคันมากก็มักจะมีรอยถลอกจากการเกาอยู่ด้วย ถ้าสังเกตให้ดี ก็มักจะเห็นมีตกขาว สีออกขาวหรืออาจปนเหลือง อาจเป็นน้ำหรือจับตัวเป็นก้อน ไหลออกมาจากช่องคลอด เวลาถ่ายปัสสาวะ ก็จะแสบบริเวณปากช่องคลอด เนื่องจากผิวมีอาการอักเสบอยู่
 
•
เชื้อกามโรคอื่นๆ (STD : sexual transmitted disease) เกิดบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งอาจจะมีการติดเชื้อ จากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เช่น
   
 
-
จากโลน (lice) เป็นแมลงที่หน้าตาคล้ายเหา ดูดกินเลือด มักอยู่ที่ใต้เส้นขนทั้งหลายแหล่ และที่แน่ๆ มันมักจะอยู่ที่บริเวณหัวเหน่าและแคมนอก ทำให้เกิดอาการคัน และหากสังเกตเห็นว่ามีจุดเลือดเล็กๆ หลายๆ จุดเปื้อนกางเกงในอยู่เสมอ หรือถ้าเกิดเห็นเจ้าตัวโลนคลานไปมาอยู่ ก็ให้มั่นใจว่าใช่แน่นอน
 
-
จากไวรัส ส่วนใหญ่จะป็นเรื่องของหูดหงอนไก่ (genital ward, condyloma) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส human papilloma เจ้าพื้นผิวที่ติดเชื้อ จะนูนเป็นปื้นเป็นแผ่น และมักจะยกตัวเป็นกลุ่ม คล้ายดอกกะหล่ำ
 
-
เริม (genital herpes) เกิดจากการติดเชื้อ herpes simplex virus อาการอาจเป็นน้อยจนถึงมาก แล้วแต่สภาพการณ์ อาจมีเพียงปวดแสบร้อน คัน มีตุ่มน้ำ แล้วแตกออกเป็นแผลตื้นๆ ที่บริเวณปากช่องคลอด หรือถ้าเป็นมาก ก็อาจมีหลายแผลทั่วทั้งบริเวณ และอาจล้ำเข้าไปในช่องคลอดด้วย ในกรณีที่เป็นมาก มักมีไข้และต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต มักเป็นอยู่ประมาณ 1-2สัปดาห์ แล้วอาการก็จะหายไป แต่สามารถจะกลับเป็นซ้ำอีก นั่นก็เพราะเชื้อมักไปกบดาน ที่ระบบประสาทในร่างกายเรานั่นเอง แต่ในการกลับเป็นซ้ำในครั้งหลังๆ อาการมักจะน้อยกว่าครั้งแรกที่เป็น แม้ว่ารักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็มียาที่จะช่วยควบคุม และบรรเทาอาการได้
 
-
จากแบคทีเรีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน ฯลฯ อาการที่แสดงออกก็คือ อาจมีแผลที่บริเวณปากช่องคลอด หรือมีตกขาวจากในช่องคลอด มีอาการคัน ถ้าเป็นมาก อาจมีการติดเชื้อลามเข้าไปที่ท่อปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะแสบขัด ขุ่นเป็นหนอง หรือถ้าติดเชื้อที่ต่อมมูกบาร์โทลิน ทำให้เป็นฝีบวมแดง ปวด หรือติดเชื้อลามไปที่อวัยวะในอุ้งเชิงกรานต่อไปได้ ซึ่งก็จะปวดท้อง มีไข้และกลายเป็นหนอง ฝีที่ในอุ้งเชิงกราน และลุกลามเข้ากระแสเลือดต่อไปได้
 
-
จากเชื้อทริโคโมนาส (Trichomonas) เมื่อติดเชื้อมักจะมีอาการตกขาว ออกมาจากช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น
 
•
การแพ้สารต่างๆ ไม่ว่าจะแพ้สารใดๆ จากสบู่ สารซักฟอก ยา ผ้าอนามัย ฯลฯ มักจะมีผื่นแดง และอาการคันให้รู้สึกได้
 
•
วัยที่เปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุ ความแห้งที่บริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด จะทำให้รู้สึกคัน แสบหรือยิบๆ ได้ ถ้าเกามากๆ ก็จะมีรอยถลอก และกลายเป็นแผลต่อเนื่องได้
 
•
มะเร็งมะเร็งที่บริเวณปากช่องคลอด ก็มักเป็นมะเร็งของผิวหนังนั่นเอง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่คล้ำ หรือซีดจางลง มีรอยนูนเป็นแผ่นหรือเป็นแผลเรื้อรัง ก็อย่านิ่งนอนใจควรสังเกตและปรึกษาแพทย์
ส่วนมะเร็งที่ปากมดลูกในระยะก่อนเป็น มักไม่มีอาการใดๆ แต่ถ้าเป็นมากแล้ว อาจมีอาการเลือดออก เวลามีเพศสัมพันธ์หรือมีตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดก็ได้

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ว่าเด็กหรือโตเป็นสาว จนสูงวัยแค่ไหน ความจำเป็นของการตรวจจุดซ่อนเร้น ก็คงไม่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณแม่ก็คงต้องสอนวิธีดูแลให้กับลูกสาว เพื่อจะได้ดูแลตัวเองเป็นด้วยนะคะ

 

พญ.นิศานาถ ธนะภูมิ
สูติ-นรีแพทย์

 
       
    แหล่งข้อมูล : นิตยสาร HealthToday  
   
ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
 
สารพันสงสัยยามวัยทอง
 
หาหมอสูติที่ถูกใจ...ได้อย่างไร
 
ตรวจภายใน
 
ตรวจภายในไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
 
ตรวจก่อน รู้ก่อน ปลอดภัยกว่า
 
   
 
 
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved.