ทำไมจึงต้องสำรวจจุดซ่อนเร้น?
ก็เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเต้านม ผิวหนัง ตา หู ฯลฯ ที่ี่เราควรการสำรวจด้วยต้วเองเป็นประจำ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งก่อนลงมือสำรวจควร
|
1. |
ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มสำรวจ |
|
|
นั่งกึ่งนอนเอนตัวพิงหมอนในท่าที่สบาย ยกหลังขึ้นหรือจะนั่งคุกเข่าแยกขาออกจากกัน |
|
3. |
เอากระจก และไฟส่อง เพื่อให้มองเห็นคุณหนูจิ๋มให้ถนัดและชัดเจน |
|
4. |
สำรวจไล่เรื่อยจากผิวหนังรูขุมขนที่หัวเหน่า ลงไปที่แคมนอก จนถึงฝีเย็บและทวารหนัก |
|
5. |
จากนั้นใช้นิ้วมือทั้งสองข้างแล้วแต่ถนัด แยกหลืบของแต่ละชั้นเพื่อสำรวจ โดยเริ่มตั้งแต่ แคมนอก คลิทอริส หลืบแคมใน เพื่อดูรูเปิดของท่อปัสสาวะและช่องคลอด
โดยตลอดการสำรวจจุดซ่อนเร้นด้วยตนเองให้ค้นหาว่า |
|
|
มีรอยแดงที่ไหน |
|
|
มีการบวมหรือไม่ |
|
|
มีจุดด่างสีจางลงหรือคล้ำขึ้นของพื้นผิวหรือไม่ |
|
|
มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองหรือไม่ |
|
|
มีความขรุขระหรือเป็นก้อนนูนที่ไหน |
|
|
หรือมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น |
|
|
พร้อมกับสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ |
|
|
|
- |
คัน ระคายเคือง |
|
- |
มีเลือดออก |
|
- |
ปวดแสบปวดร้อน |
|
- |
รู้สีกไม่สบาย อึดอัดและปวด |
|
ถ้ามีอาการหรือสังเกตว่ามีอะไรผิดปกติไป ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุ ก็จะทำให้แก้ไขปัญหาได้แต่เนิ่นๆ
คุณหนูจิ๋มจะมีปัญหาอะไรได้บ้าง
มีปัญหามากมายที่สามารถเกิดขึ้นได้กับหนูจิ๋ม บางอาการเป็นปัญหา ที่เกิดจากหลายสาเหตุ และบางสาเหตุ ก็อาจมีหลายอาการเกิดร่วมกันอยู่ นั่นคือสิ่งที่ต้องให้หมอช่วยตรวจดูให้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซักถามประวัต ิและอาการเพิ่มเติมจากที่คุณบอก การตรวจภายใน หรืออาจต้องใช้แลปช่วยค้นหาสาเหตุ และการติดตามผลการรักษา ว่ายังมีปัญหาต่อเนื่องอยู่อีกหรือไม่ ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยๆ บริเวณจุดซ่อนเร้นคือ
|
|
เชื้อรา (yeast, candida, fungus) |
|
|
เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากๆ เวลาที่มีเชื้อราที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด ก็มักจะมีการติดเชี้อด้วยเสมอ อาการที่มักจะมีก็คือ คัน
แสบร้อน แดง ถ้าคันมากก็มักจะมีรอยถลอกจากการเกาอยู่ด้วย ถ้าสังเกตให้ดี ก็มักจะเห็นมีตกขาว สีออกขาวหรืออาจปนเหลือง อาจเป็นน้ำหรือจับตัวเป็นก้อน ไหลออกมาจากช่องคลอด เวลาถ่ายปัสสาวะ ก็จะแสบบริเวณปากช่องคลอด เนื่องจากผิวมีอาการอักเสบอยู่ |
|
|
เชื้อกามโรคอื่นๆ (STD : sexual transmitted disease) เกิดบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งอาจจะมีการติดเชื้อ จากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เช่น |
|
|
|
- |
จากโลน (lice) เป็นแมลงที่หน้าตาคล้ายเหา ดูดกินเลือด มักอยู่ที่ใต้เส้นขนทั้งหลายแหล่ และที่แน่ๆ มันมักจะอยู่ที่บริเวณหัวเหน่าและแคมนอก ทำให้เกิดอาการคัน และหากสังเกตเห็นว่ามีจุดเลือดเล็กๆ หลายๆ จุดเปื้อนกางเกงในอยู่เสมอ หรือถ้าเกิดเห็นเจ้าตัวโลนคลานไปมาอยู่ ก็ให้มั่นใจว่าใช่แน่นอน |
|
- |
จากไวรัส ส่วนใหญ่จะป็นเรื่องของหูดหงอนไก่ (genital ward, condyloma) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส human papilloma เจ้าพื้นผิวที่ติดเชื้อ จะนูนเป็นปื้นเป็นแผ่น และมักจะยกตัวเป็นกลุ่ม คล้ายดอกกะหล่ำ |
|
- |
เริม (genital herpes) เกิดจากการติดเชื้อ herpes simplex virus อาการอาจเป็นน้อยจนถึงมาก แล้วแต่สภาพการณ์ อาจมีเพียงปวดแสบร้อน คัน มีตุ่มน้ำ แล้วแตกออกเป็นแผลตื้นๆ ที่บริเวณปากช่องคลอด หรือถ้าเป็นมาก ก็อาจมีหลายแผลทั่วทั้งบริเวณ และอาจล้ำเข้าไปในช่องคลอดด้วย ในกรณีที่เป็นมาก มักมีไข้และต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต มักเป็นอยู่ประมาณ 1-2สัปดาห์ แล้วอาการก็จะหายไป แต่สามารถจะกลับเป็นซ้ำอีก นั่นก็เพราะเชื้อมักไปกบดาน ที่ระบบประสาทในร่างกายเรานั่นเอง แต่ในการกลับเป็นซ้ำในครั้งหลังๆ อาการมักจะน้อยกว่าครั้งแรกที่เป็น แม้ว่ารักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็มียาที่จะช่วยควบคุม และบรรเทาอาการได้ |
|
- |
จากแบคทีเรีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน ฯลฯ อาการที่แสดงออกก็คือ อาจมีแผลที่บริเวณปากช่องคลอด หรือมีตกขาวจากในช่องคลอด มีอาการคัน ถ้าเป็นมาก อาจมีการติดเชื้อลามเข้าไปที่ท่อปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะแสบขัด ขุ่นเป็นหนอง หรือถ้าติดเชื้อที่ต่อมมูกบาร์โทลิน ทำให้เป็นฝีบวมแดง ปวด หรือติดเชื้อลามไปที่อวัยวะในอุ้งเชิงกรานต่อไปได้ ซึ่งก็จะปวดท้อง มีไข้และกลายเป็นหนอง ฝีที่ในอุ้งเชิงกราน และลุกลามเข้ากระแสเลือดต่อไปได้ |
|
- |
จากเชื้อทริโคโมนาส (Trichomonas) เมื่อติดเชื้อมักจะมีอาการตกขาว ออกมาจากช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น |
|
|
|
การแพ้สารต่างๆ ไม่ว่าจะแพ้สารใดๆ จากสบู่ สารซักฟอก ยา ผ้าอนามัย ฯลฯ มักจะมีผื่นแดง และอาการคันให้รู้สึกได้ |
|
|
วัยที่เปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุ ความแห้งที่บริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด จะทำให้รู้สึกคัน แสบหรือยิบๆ ได้ ถ้าเกามากๆ ก็จะมีรอยถลอก และกลายเป็นแผลต่อเนื่องได้ |
|
|
มะเร็งมะเร็งที่บริเวณปากช่องคลอด ก็มักเป็นมะเร็งของผิวหนังนั่นเอง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่คล้ำ หรือซีดจางลง มีรอยนูนเป็นแผ่นหรือเป็นแผลเรื้อรัง ก็อย่านิ่งนอนใจควรสังเกตและปรึกษาแพทย์
ส่วนมะเร็งที่ปากมดลูกในระยะก่อนเป็น มักไม่มีอาการใดๆ แต่ถ้าเป็นมากแล้ว อาจมีอาการเลือดออก เวลามีเพศสัมพันธ์หรือมีตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดก็ได้ |
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ว่าเด็กหรือโตเป็นสาว จนสูงวัยแค่ไหน ความจำเป็นของการตรวจจุดซ่อนเร้น ก็คงไม่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณแม่ก็คงต้องสอนวิธีดูแลให้กับลูกสาว เพื่อจะได้ดูแลตัวเองเป็นด้วยนะคะ
พญ.นิศานาถ ธนะภูมิ
สูติ-นรีแพทย์
|