เราส่วนมากจะรู้ตัวว่ามีฟันผุก็เมื่อมีอาการแสดงออกมาอย่างชัดเจน เช่น เสียวฟัน ปวดฟัน ทำให้รู้สึกทุกข์ทรมาน อาการเหล่านี้
จะเป็นเครื่องเตือนว่าคุณมีอะไรผิดสังเกตบนตัวฟัน จึงเริ่มคิดถึงการไปพบทันตแพทย์ ส่วนใหญ่สาเหตุจะมาจากฟันผุ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการทำความสะอาดสุขภาพช่องปากไม่ดีเพียงพอ จึงอาจทำให้มี เศษอาหารหลงเหลืออยู่ในช่องปาก ประกอบกับแบคทีเรียย่อยเศษอาหารเหล่านั้นเป็นกรดมาทำลายฟัน
DON'Ts
ถ้าคุณมีนิสัยเหล่านี้ จะทำให้ฟันผุง่าย
|
1. |
กินไม่เลือก อาหารที่ทำให้ฟันผุง่ายคือพวกแป้ง น้ำตาล อาหารเหล่านี้คนส่วนใหญ่ชอบ เพราะอร่อยหากไม่ระมัดระวัง นอกจากจะทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้นแล้ว ฟันยังเสียง่ายด้วย การเลือกรับประทานผัก ผลไม้ ฟันก็จะเสียหายน้อยกว่า |
|
|
กินไม่หยุด คนที่ชอบรับประทานอาหารระหว่างมื้อหรือกินจุบจิบ โอกาสฟันผุก็จะมากขึ้น หรือคนที่ชอบดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า
ก็อันตรายต่อฟันมากเช่นกัน |
|
3. |
กินไม่ดูแล ถ้าจะลดฟันผุต้องลดอาหารที่ค้างหรือติดตามตัวฟัน ดังนั้น ถ้ารับประทานแล้วไม่แปรงฟันและอมน้ำยาบ้วนปาก แน่นอนฟันย่อมผุเร็วขึ้น |
|
4. |
ไม่พบทันตแพทย์ตรวจฟันเลย เพราะคิดว่าไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ไม่รู้สึกปวด เจ็บ แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่าฟันผุเริ่มแรกนั้นมักไม่มีอาการ ดังนั้นหากตรวจพบฟันผุแต่เริ่มแรก แล้วรีบรักษา เช่น อุดเสียฟันก็จะเสียหายน้อยลง |
DO's
วิธีป้องกันฟันผุ
|
1. |
รีบพบทันตแพทย์เมื่อมีฟันผ ุ โดยสังเกตเห็นเอง หรือเริ่มมีอาการ |
|
|
ปรับนิสัยป้องกันฟันผ ุ เพื่อรักษาฟันให้รับใช้เราได้นานๆ ดังนี้ |
|
|
|
|
ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน คู่ไปกับการแปรงฟัน และอมน้ำยาบ้วนปากหลังอาหารทุกมื้อ |
|
|
หลีกเลี่ยงอาหารหวาน แป้ง น้ำอัดลม ของเหนียวๆ ที่เคี้ยวแล้วติดฟันติดฟัน |
|
|
ใช้ฟลูโอไรด์ป้องกันฟันผุ ภายใต้การดูแลของทันแพทย์ |
|
|
3. |
ควรตรวจฟันทุก 6 เดือน เพราะเราใช้ฟันอยู่ทุกวัน ย่อมต้องสึกหรอไปตามสภาพ แม้ไม่ปวดก็ควรตรวจฟันทุก 6 เดือน หากพบสิ่งผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ รีบแก้ไขดีกว่าปล่อยให้ฟันเสียหายมาก ค่าใช้จ่ายจะมากตาม หรือปล่อยให้ฟันเสียจนไม่มีฟันเคี้ยวอาหารอร่อยๆ หรือเคี้ยวได้ไม่ละเอียด ก็ย่อมมีผลต่อสุขภาพด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ระบบการย่อยอาหาร ปากมีกลิ่น เป็นต้น |
ดังนั้นอย่าปล่อยให้มีฟันผุอยู่ในปากเลย ... ฟันดี สุขภาพดี ยิ้มอย่างมั่นใจ ไร้กลิ่นปากดีกว่าเป็น ไหนๆ
|