ความจริงแล้ว โรคกระเพาะอาหารอักเสบสามารถรักษาให้หายขาดได้ ที่สำคัญในปัจจุบันพบว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคนี้คือเชื้อแบคทีเรีย
กระเพาะอาหารป่วย ช่วยที
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ จะมีลักษณะอาการปวดแสบปวดร้อน ตรงบริเวณกระเพาะอาหารส่วนต้น และอาจลามไปถึงหน้าอก ทำให้รู้สึกจุกเสียด แสบอก คลื่นไส้และท้องอืด
โรคกระเพาะอาหารอักเสบสามารถแบ่งออกเป็น |
|
|
|
|
|
1. |
โรคกระเพาะอาหารอักเสบชนิดเฉียบพลัน จะเป็นในระยะสั้นๆ ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็หาย อาการสำคัญ คือ จะปวดท้องหรือจุกแน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่ มักเป็นเวลากินอาหารหรือหลังอาหารเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน ในรายที่รุนแรงจะอาเจียนเป็นเลือด และถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย |
|
|
โรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง จะเป็นแรมเดือนแรมปี ผู้ป่วยมักมีอาการไม่มาก หรือแทบไม่มีอาการอะไรเลย นอกจากแน่นท้องเป็นๆ หายๆ เท่านั้น |
ในปัจจุบันมีการค้นพบว่า โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ไม่ได้เกิดจากการมีกรดในกระเพาะอาหารมากเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า เฮลิโคแบกเตอร์ไพโลรี (Helicobacter pylori) ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกันกับที่ทำให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร
อย่างไรก็ตาม อาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ โดยเฉพาะที่ปวดเรื้อรังมานาน อาจเกิดจากโรคอื่นๆ ภายในช่องท้องอีกมากมาย เช่น โรคระบบทางเดินน้ำดี โรคตับอ่อน เป็นต้น
สำหรับสาเหตุอื่นๆ ที่จะกระตุ้น หรือทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ได้แก่
|
|
กินอาหารไม่ตรงเวลา |
|
|
กินอาหารรสเผ็ดหรือรสจัด โดยเฉพาะในมื้อดึก |
|
|
ความเครียด |
|
|
เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ |
|
|
กินยาที่มีฤทธิ์ระคายเยื่อบุกระเพาะอาหาร |
|
|
สูบบุหรี่ |
|
|
แพ้อาหารบางอย่าง |
อาการแทรกซ้อน อย่านอนใจ
|
1. |
เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร พบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยจะอาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นสีดำเหลว หรือหน้ามืด วิงเวียน เป็นลม |
|
|
กระเพาะอาหารทะลุ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องช่วงบนอย่างเฉียบพลันรุนแรง หน้าท้องแข็งตึง กดเจ็บมาก |
|
3. |
กระเพาะอาหารอุดตัน ผู้ป่วยจะกินได้น้อย อิ่มเร็ว อาเจียนหลังอาหารเกือบทุกมื้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง |
รักษาอย่างไร ให้โรคหายขาด
|
|
กินอาหารให้ตรงตามเวลาทุกมื้อ |
|
|
กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย |
|
|
กินอาหารจำนวนน้อยๆแต่บ่อยมื้อ ไม่ควรกินจนอิ่มมากในแต่ละมื้อ |
|
|
หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ผลไม้ดอง และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำชา กาแฟ |
|
|
ผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ |
|
|
กินยาลดกรดหรือยารักษาแผลกระเพาะอาหารติดต่อกัน อย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ |
|
|
ถ้ามีอาการของภาวะแทรกซ้อน เช่น อาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายอุจจาระมีสีดำ ควรปรึกษาแพทย์ทันที |
|
|
กินแอ๊ปเปิ้ล ฝรั่ง เพื่อช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร |
|
|
ควรกินกล้วยสุก เพื่อจะได้พลังงานและธาตุโพแทสเซียม ซึ่งช่วยควบคุมสมดุลของระดับของเหลวในร่างกาย |
ส่วนคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป หากมีอาการคล้ายโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ให้ระมัดระวังโรคมะเร็งกระเพาะและมะเร็งตับด้วย อย่านิ่งนอนใจ ปล่อยให้อาการเล็กๆ น้อยๆ ลุกลามกลายเป็นโรคร้ายนะคะ
นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 143
|