กระเพาะอาหารอักเสบเป็นอย่างไร
กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) หรือ แผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป หรือความต้านทานของผิวเยื่อบุอาหารลดลง ส่งผลให้มีอาการปวดแสบ ปวดตื้อ ปวดเสียด หรือจุกแน่นตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ บางครั้งอาจมีเลือดออกหรือเป็นแผล ส่งผลให้เยื่อบุกระเพาะถลอก ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภท คือแบบเฉียบพลันและเรื้อรังดังนี้
|
|
|
|
กระเพาะอาหารอักเสบแบบเฉียบพลัน มักเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารผิดเวลา กินมากเกินไป กินอาหารที่ติดเชื้อแบคทีเรีย กินอาหารประเภทครีม อาหารไม่สุก และอาหารค้างคืน นอกจากนี้การแพ้อาหาร หรือมีความเครียดสูงก็มีผลเช่นกัน |
|
|
กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง มักเกิดจากการกินอาหารที่ทำให้ระคายเคือง เช่น เหล้า เบียร์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม รวมถึงการใช้ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาชุด หรือยาลูกกลอนชนิดที่ใส่สเตียรอยด์เพื่อรักษาอาการอักเสบ หรืออาการปวดอื่นๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ |
บางรายอาจมีอาการปวดท้องเรื้อรังที่บริเวณลิ้นปี่ โดยจะรู้สึกปวดมากเวลาหิว บางครั้งก็จะปวดเวลาหลับตอนกลางคืน หรือหลังตื่นนอนตอนเช้า และอาการปวดจะลดลงหลังจากได้กินอาหารเข้าไป
ในกรณีกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง ควรระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น ปวดหัวรุนแรง มีไข้ และภาวะเลือดจาง ส่วนในรายที่มีอาการร้ายแรงอาจท้องเสีย ไม่สบายตัว อาเจียนมีเลือดปนเป็นสีแดงสด หรือสีน้ำตาลคล้ายกับสีของผงกาแฟ แต่ส่วนใหญ่มักตรวจพบขณะที่ตรวจโรคอื่น
ปรับพฤติกรรมเสี่ยง เลี่ยงกระเพาะอักเสบ
|
1. |
พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ |
|
|
กินอาหารให้ตรงเวลา และกินอาหารให้ครบ 3 มื้อ (ถ้ารู้สึกปวดมากในระยะแรก ควรกินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) กินทีละน้อยแต่บ่อยมื้อขึ้น นอกจากนี้พยายามสังเกตว่า อาหารประเภทใดที่ทำให้มีอาการ และพยายามหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ควรงดอาหารที่มีรสจัด อาหารมัน หรืออาหารทอดทุกประเภท |
|
3. |
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มจำพวกเหล้า เบียร์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม เพราะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ และอาจจะทำให้โรคกำเริบได้ |
|
4. |
หยุดยาแอสไพริน และยาแก้อักเสบที่ใช้สเตียรอยด์ ในกรณีจำเป็นที่ต้องใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาข้ออักเสบ ควรสอบถามแพทย์เพื่อความมั่นใจ |
|
5. |
คลายเครียดด้วยการออกกำลังกาย หรือรำกระบอง หรือทำสมาธิ เพราะคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร เนื่องจากความเครียด การปฏิบัติในข้อนี้จะมีส่วนช่วยให้โรคหายขาดได้ |
ฝึกชี่กงบำบัดกระเพาะอักเสบ มีหลายวิธี แต่ที่นำมาเสนอนี้คุณหมอบอกว่าได้ผลดีและทำง่ายที่สุด
|
1. |
การฝึกหายใจ หายใจเข้าจนท้องพอง แล้วหายใจออกจนท้องยุบ (ในระยะแรกอาจทำในท่านอน โดยวางมือหรือกล่องเล็กๆ สักใบไว้บนสะดือ เวลาหายใจเข้า ท้องพองแล้วจึงจะสังเกตได้ชัดเจน) ในช่วงแรกๆควรทำสัก 15-20 นาที แบบค่อยเป็นค่อยไป ถ้าทำได้ถูกต้องจะมีความรู้สึกโล่งสบาย ฝ่ามือ เท้า และใบหน้าจะแดงขึ้น |
|
|
การเคลื่อนไหวท้องในท่านั่ง เริ่มด้วยการนั่งบนเก้าอี้ในลักษณะห้อยขา โดยให้หัวเข่าขนานกับพื้น จากนั้นก้มตัวลงมาจนหน้าผากจรดเข่า พร้อมกับหายใจออก เมื่อกลับมานั่งตรงก็เป็นจังหวะหายใจเข้า ทำช้าๆ ซ้ำกันประมาณ 5-10 นาที แต่ต้องระวังไม่ให้คอก้มหรือเงยมากจนเกินไป เพราจะทำให้เกิดอาการมึนงงได้ |
สมุนไพรใกล้ตัวเยียวยากระเพาะอักเสบ
|
1. |
ผลมะไฟแห้ง 10 ลูก ต้มกับน้ำสะอาดในปริมาณที่พอเหมาะ ดื่มแต่น้ำ |
|
|
กล้วยน้ำว้า นำผลดิบหรือผลห่ามของกล้วยน้ำว้า มาฝานเป็นแว่น ตากแดดประมาณ 2 วัน หรืออบให้แห้งในอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส แล้วนำมาบดเป็นผง นำผงกล้วยครั้งละ 1/2 - 1 ผลผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะกินแทนยา หรือนำผงกล้วยมาปั้นเป็นยาลูกกลอน กินครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน |
|
3. |
ขมิ้นชัน นำเหง้าแก่สดของขมิ้นชันล้างให้สะอาด (ไม่ต้องปอกเปลือก) หั่นเป็นชิ้นบางๆ ตากแดดจัดประมาณ 1-2 วัน นำมาบดให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือบรรจุแคปซูล เก็บไว้ให้มิดชิดในขวดสะอาด กินครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน |
|
*หมายเหตุ สำหรับบางคนกินขมิ้นแล้วอาจมีอาการแพ้ เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดหัว นอนไม่หลับ เป็นต้น หากมีอาการดังกล่าวควรหยุดและเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่นแทน |
Tip อาการโรคกระเพาะที่ควรรีบไปพบแพทย์
|
1. |
ปวดท้องไม่หายภายในเวลา 4 ชั่วโมง |
|
|
มีอาการมากกว่า 1-2 วันหรือเป็นบ่อยๆ |
|
3. |
มีเลือดปนในอาเจียน |
|
4. |
อาเจียน หรือท้องเสียอย่างรุนแรงร่วมด้วย |
นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 163
|