โดยทั่วไป อาการท้องเสีย หรือท้องร่วง (diarrhoea) มักจะเกิดขึ้นหลังจากการกินอาหารรสจัด หรือมีเชื้อโรคปนเปื้อน ในบางรายอาจเกิดจากการกินยาบางชนิด เช่น ยาถ่าย ยาระบาย ยาลดกรด หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด เป็นต้น ทำให้ลำไส้ใหญ่เกิดอาการอักเสบ ปกติมักหายได้เองภายใน 1-2 วัน หากเป็นนานกว่านี้อาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเกิดขึ้นในเด็กเล็ก คนแก่ และคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ
อาการท้องเสีย แบ่งออกเป็นชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง ซึ่งท้องเสียชนิดเฉียบพลันมักเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสในอาหาร ผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำสีเหลือง หรือขาวเป็นฟอง และถ่ายมากกว่าวันละ 3 ครั้ง ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีกลิ่นก็ได้
ถ้ามีอาการปวดท้องร่วมด้วย อาจเกิดจากภาวะลำไส้บีบตัวมาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณอันตรายแสดงถึงโรคร้ายแรง เช่นกระเพาะลำไส้อักเสบ บิด ไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้ใหญ่อักเสบ และโรคในช่องท้องอื่นๆ เป็นต้น
กินอยู่อย่างไรเมื่อท้องเสีย
เมื่อมีอาการท้องเสีย คนส่วนใหญ่มักจะกินยาแก้ท้องเสีย ซึ่งความจริงแล้วไม่มีประโยชน์ในการรักษาแต่อย่างใด เพราะยาแก้ท้องเสีย จำพวกยาที่ทำให้หยุดถ่าย อาจมีผลข้างเคียงทำให้ท้องอืด หรืออาการแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ ทางที่ดีควรรอให้ร่างกายถ่ายเพื่อขับเชื้อ หรือสารพิษออกมาจนหมด อาการก็จะทุเลาไปเอง แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วยังไม่หาย เรามีวิธีดูแลตัวเองอย่างง่ายมาฝากค่ะ
|
1. |
ดื่มน้ำสะอาด หรือดื่มน้ำเกลือแร่ น้ำหวาน เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป |
|
|
การดื่มนมเปรี้ยวที่มีแล็กโตบาซิลลัสผสมอยู่ จะช่วยฟื้นฟูแบคทีเรียที่ทำหน้าที่ปกป้องลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะหากแบคทีเรียเหล่านั้นตายไปเพราะมีการติดเชื้อ |
|
3. |
ควรงดอาหาร 24 ชั่วโมง ระหว่างนั้น ควรดื่มแต่น้ำข้าวต้มผสมเกลือเล็กน้อยทุกๆ 15-30 นาที เมื่ออาการทุเลาลง จึงกินอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก เป็นต้น นอกจากนี้ยังไม่ควรดื่มนม และควรงดผักผลไม้ชั่วคราว หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารย่อยยาก จนกว่าอาการท้องเสียจะดีขึ้น |
|
4. |
เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงค่อยๆ เริ่มกินอาหารแข็ง เช่น ผักนึ่ง กล้วย ไข่ต้ม ข้าวกล้องสวยที่หุงค่อนข้างแฉะ ซึ่งอาหารแบบนี้เหมาะสำหรับเด็กด้วย แต่ควรบดอาหารให้ละเอียดก่อน จนกระทั่งอาการดีขึ้นมากจึงกลับไปกินตามปกติ |
สูตรน้ำดื่มเพิ่มเรี่ยวแรง
ทั้งสองสูตรนี้ใช้ดื่มเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปค่ะ
|
|
สูตรน้ำข้าว นำน้ำแช่ข้าวสาร 1 แก้ว เกลือป่นประมาณ 1 ช้อนชา และน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกัน แล้วใช้ดื่มได้ทันที |
|
|
สูตรน้ำเกลือแร่ นำน้ำต้มสุก 1 ขวดกลมใหญ่ (ประมาณ 750 มิลลิลิตร) น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1/2 ช้อนชา ผสมกันเพื่อดื่ม |
บรรเทาท้องเสียด้วยสมุนไพร
|
|
ฝรั่ง ใช้ยอดอ่อนของฝรั่งประมาณ 10-15 ใบ ปิ้งไฟให้กรอบ ต้มกับน้ำสะอาด หรือใช้วิธีชงกับน้ำร้อน แล้วดื่มเป็นชาสมุนไพร หรือใช้ผลอ่อนของฝรั่งเคี้ยวสดๆ รสฝาดของฝรั่งจะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ |
|
|
ฟ้าทะลายโจร นำใบฟ้าทะลายโจรสด ล้างให้สะอาด แล้วผึ่งลมให้แห้ง (ควรผึ่งในร่มที่มีอากาศโปร่ง ห้ามตากแดด) บดเป็นผงให้ละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้ง เก็บไว้ในขวดที่แห้งให้มิดชิด กินครั้งละ 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน |
|
|
กล้วยน้ำว้า กินกล้วยน้ำว้าห่ามครั้งละ 1/2-1 ผล หรือนำกล้วยน้ำว้าดิบฝานเป็นแว่นตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง ชงกับน้ำดื่มครั้งละ 1/2-1 ผล หรือบดผลดิบให้ละเอียด ปั้นเป็นยาลูกกลอน กินครั้งละ 4 เม็ด ก่อนอาหาร และก่อนนอน |
|
|
ทับทิม นำใบหรือเปลือกของผลแห้งมาต้มกับน้ำสะอาด ถ้าได้รสฝาดลิ้นถือว่าใช้ได้ (ส่วนปริมาณแล้วแต่ความเหมาะสมของอาการแต่ละคน) ดื่มเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้น |
น้ำมันหอมฟื้นฟูร่างกาย
เรามีสูตรฟื้นฟูสภาพร่างกาย หลังสูญเสียน้ำจากการถ่ายท้องมาแนะนำ ทำแล้วรับรองสบายทั้งกาย และใจ
|
1. |
นวดหน้าท้องด้วยน้ำมันหอม หยดน้ำมันหอมระเหยของลาเวนเดอร์ จูนิเปอร์ แซนดัลวูด คาโมไมล์ หรือเจอเรเนียมอย่างใดอย่างหนึ่ง เหยาะลงในน้ำมันหรือโลชั่นประมาณ 3-4 หยด เพื่อนวดหน้าท้องวันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องคลายตัว และช่วยลดการบีบรัดตัวของลำไส้ได้ |
|
|
อาบน้ำคลายเครียด หยดน้ำมันหอมผสมน้ำอาบประมาณ 6-8 หยด กลิ่นของน้ำมันหอมจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้น |
ในทางจิตวิทยาระบุว่า น้ำมันหอมมีคุณสมบัติในการคลายเครียดของระบบประสาท การคลายเกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ รวมทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องให้มีการบีบรัดตัวน้อยลง อีกทั้งยังคลายการบีบตัวของลำไส้จากการท้องเสียได้ทางอ้อมอีกด้วย
นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 155
|