หน้าแรก
ข้อมูลสุขภาพ
เว็บ สุขภาพ
ร้านอาหาร เพื่อสุขภาพ
เว็บ โรงพยาบาล
โรคเก๊าท์และการดูแลอาหารของผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์
ข้อมูลสุขภาพ
สุขภาพใจ สุขภาพจิต
โรคหัวใจ
โรคมะเร็ง
เบาหวาน
โคเลสเตอรอล
ไต
สุภาพสตรี
ผู้สูงอายุ
กระดูกและข้อ
ฟัน
โรคอ้วน
เฉพาะด้านอื่นๆ
สารอาหาร
ทั่วไป
 


โรคเก๊าท์ เกิดจากการเผาผลาญพิวรีนในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีกรดยูริคคั่งในเลือดสูงและตามข้อเล็กๆ และอวัยวะบางแห่ง อาจมีเกลือโซเดียมยูเรตเกาะอยู่ ทำให้เกิดอาการที่อวัยวะนั้นๆ  ส่วนมากอาการจะเกิดเป็นครั้งคราว มักจะกำเริบมากขึ้น เมื่อบริโภคอาหารพวก นิวคลีโอโปรตีน และไขมันมาก หรือขณะดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกาย ทำให้กรดยูริคมากขึ้น

การกรดยูริคในร่างกายเกิดได้ 2 ทางคือ 

 
1.
เกิดจากกสารพิวรีน หรือนิวคลิโอโปรตีน ที่เป็นส่วนประกอบของอาหารที่บริโภค ส่วนนี้เป็นกรดยูริค ที่เกิดจากสาเหตุภายนอก จำนวนพิวรีนที่เกิดจากอาหารบริโภค จะเปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนพิวรีนที่มีในอาหาร ถ้าบริโภคอาหาร เครื่องในสัตว์ จะทำให้มีกรดยูริคสูงขึ้น อาหารบางชนิดกระตุ้นให้ระบบทางเดินอาหาร ให้ทำงานเพิ่มมากขึ้น จะทำให้มีกรดยูริคเพิ่มมากขึ้น จึงสรุปได้ว่า กรดยูริคจะเปลี่ยนแปลงไปตาม อาหารบริโภคที่มีโปรตีน การออกกำลังกาย และตามการทำงานของต่อมต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร
 
2.
เกิดจากสารพิวรีน ที่ได้จากการสลายตัว ของพวกเซลล์ของอวัยวะในร่างกาย เป็นกรดยูริคที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย กรดยูริคที่เกิดจากส่วนนี้ ย่อมจะเปลี่ยนไปตามการสลายตัวของอวัยวะ เช่น เซลล์มีการทำงานมากขึ้น หรือมีการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น

อาการของโรคเก๊าท์

 
1.
ระยะแรกมักมีอาการปวดรุนแรง อย่างทันทีทันใด มักพบอาการปวดที่หัวแม่เท้าก่อน  อาการมักเกิดขึ้นภายหลัง การกินอาหารที่มีแคลอรี่สูงมากๆ การดื่มเหล้ามาก หรือการสวมรองเท้าที่คับ บริเวณผิวหนังตรงข้อที่อักเสบ จะตึงร้อน เป็นมัน ผู้ป่วยมักจะมีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย มีเม็ดเลือดขาวสูง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น  ใน 2-3 วัน และหายไปเองในระยะ 5-7 วัน
 
2.
ระยะพัก เป็นระยะที่ไม่มีอาการแสดง แต่กรดยูริคในเลือดมักสูง และอาการอักเสบอาจเกิดขึ้นอีก จนถึงขึ้นเรื้อรัง อาจมีอาการเป็นระยะๆ เนื่องจากผลึกยูเรตเป็นจำนวนมาก สะสมอยู่ในข้อกระดูก เยื่ออ่อนของข้อต่อ และบริเวณเส้นเอ็น ทำให้เกิดโรคข้อกระดูกเสื่อม  เมื่อเป็นมาก จะมีการสะสมของผลึกนี้ ที่เยื่อบุภายในปลอกหุ้มข้อ และเกิดปุ่มขึ้นที่ใต้ผิวหนัง มักเริ่มที่หัวแม่เท้า และปลายใบหูก่อน ข้อที่มีผลึกยูเรตเกาะอยู่ อาจเปลี่ยนแปลงจนผิดรูป และเกิดความพิการที่ข้อกระดูกนั้นๆ
 
3.
อาการแทรกซ้อน พบว่า ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยข้ออักเสบเฉียบพลันจากเก๊าท์ มักมีนิ่วในไตด้วย ผลึกยูเรต อาจสะสมอยู่ในส่วนหมวกไต ทำให้มีอาการเลือดออกทางปัสสาวะ ถ้ามีการสะสมในไตมากๆ จะขัดการทำงานของไต หรือทำลายเนื้อไต ทำให้เกิดภาวะไตล้มเหลว

การควบคุมอาหาร เนื่องจากกรดยูริคจะได้จาก การเผาผลาญสารพิวรีน ดังนั้น ในการรักษาโรคเก๊าท์ จึงต้องควบคุมสารพิวรีนในอาหารด้วย อาหารที่มีพวรีน อาจแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ

อาหารที่มีสารพิวรีนน้อย ( 0-50 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม) 

 
•
นมและผลิตภัณฑ์จากนม
•
ไข่
•
ธัญญพืชต่างๆ
 
•
ผักต่างๆ
•
ผลไม้ต่างๆ
•
น้ำตาล
 
•
ผลไม้เปลือกแข็ง (ทุกชนิด)
•
ไขมัน
 

อาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง (50-150 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม) 

 
•
เนื้อหมู
•
เนื้อวัว
•
ปลากระพงแดง
 
•
ปลาหมึก
•
ปู
•
ถั่วลิสง
 
•
ใบขี้เหล็ก
•
สะตอ
•
ข้าวโอ๊ต
 
•
ผักโขม
•
เมล็ดถั่วลันเตา
•
หน่อไม้

อาหารที่มีพิวรีนสูง (150 มิลลิกรัมขึ้นไป)    *** อาหารที่ควรงด ***  

 
•
หัวใจไก่
•
ไข่ปลา
•
ตับไก่
•
มันสมองวัว
 
•
กึ๋นไก่
•
หอย
•
เซ่งจี้ (หมู)
•
ห่าน
 
•
ตับหมู
•
น้ำต้มกระดูก
•
ปลาดุก
•
ยีสต์
 
•
เนื้อไก่,เป็ด
•
ซุปก้อน
•
กุ้งชีแฮ้
•
น้ำซุปต่างๆ
 
•
น้ำสกัดเนื้อ
•
ปลาไส้ตัน
•
ถั่วดำ
•
ปลาขนาดเล็ก
 
•
ถั่วแดง
•
เห็ด
•
ถั่วเขียว
•
กระถิน
 
•
ถั่วเหลือง
•
ตับอ่อน
•
ชะอม
•
ปลาอินทรีย์
 
•
กะปิ
•
ปลาซาดีนกระป๋อง
 
 

การกำหนดอาหาร 

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ควรมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอ ประกอบด้วยอาหารหลัก 5 หมู่ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน และงดเว้นอาหารที่มีพิวรีนมากดังกล่าวแล้ว

 
1.
พลังงาน  ผู้ป่วยที่อ้วน จำเป็นต้องจำกัดพลังงานในอาหาร เพื่อให้น้ำหนักลดลง ทั้งนี้  เนื่องจากความอ้วน ทำให้เกิดอาการโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้น แต่ต้องระมัดระวังในระยะที่มีอาการรุนแรง ไม่ควรให้อาหารที่มีพลังงานต่ำเกินไป เพราะอาจทำให้มีการสลาย ของไขมันในเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งจะทำให้สารยูริค ถูกขับออกจากร่างกายได้น้อย และอาการของโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้นได้ ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ไม่ควรอดอาหาร และควรได้พลังงานประมาณวันละ 1,200-1,600 แคลอรี่
 
2.
โปรตีน ผู้ป่วยควรได้รับอาหารโปรตีนตามปรกติ ไม่เกิน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยหลีกเลี่ยงโปรตีนที่มีสารพิวรีนมาก
 
3.
ไขมัน ผู้ป่วยควรได้รับอาหารที่มีไขมันให้น้อยลง โดยจำกัดให้ได้รับประมาณวันละ 60 กรัม เพื่อให้น้ำหนักลดลง การได้รับอาหารที่มีไขมันมากเกินไป จะทำให้มีการสะสมสารไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้น ซึ่งการมีสารไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น จะทำให้ขับถ่ายสารยูนิคได้ไม่ดี และพบว่าผู้ป่วยที่อ้วน และมียูริคในเลือดสูง เมื่อลดน้ำหนักลง กรดยูริคในเลือดจะลดลงด้วย
 
4.
คาร์โปไฮเดรท ควรได้รับให้พอเพียงในรูปของข้าว แป้งต่างๆ และผลไม้ ส่วนน้ำตาลไม่ควรกินมาก เพราะการกินน้ำตาลมากๆ จะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ซึ่งจะมีผลต่อการขับถ่ายสารยูริคด้วย
 
5.
แอลกอฮอล์ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้ามากๆ เพราะการเผาผลาญแอลกอฮอล์ จะทำให้มีกรดแลคติคเกิดขึ้น และมีการสะสมแลคเตตเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลให้กรดยูริค ถูกขับถ่ายได้น้อยลง

การจัดอาหาร

ในการจัดอาหารให้ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ที่แพทย์ให้จำกัดสารพิวรีนอย่างเข้มงวด ผู้จัดต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งในด้านโภชนาการ และรสชาติ ลักษณะอาหาร เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยกินอาหารได้ ตามที่กำหนด และได้รับสารอาหารเพียงพอ

 
1.
ในระยะที่มีอาการรุนแรง ควรงดเว้นอาหารที่มีพิวรีนมากในระหว่างมื้ออาหาร ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้มากๆ จะช่วยขับกรดยูริค ช่วยรักษาสุขภาพของไต และป้องกันมิให้เกิดก้อนนิ่ว พวกยูเรตขึ้นได้ที่ไต
 
2.
งดเว้นอาหารที่ให้พลังงานมาก ได้แก่ ขนมหวานต่างๆ อาหารที่มีไขมันมาก เช่น อาหารทอด และขนมหวานที่มีน้ำตาล และไขมันมาก
 
3.
จัดอาหารที่มีใยอาหารมาก แก่ผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้น้ำหนักลดลง
 
4.
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มเหล้า มีส่วนช่วยให้อาการของโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้น
 
5.
อาหารที่มีไขมันมาก จะทำให้ขับกรดยูริคน้อยลง ทำให้มีการคั่งของกรดยูริคในเลือดมากขึ้น

 

 

นพ. สุเมธ เถาหมอ

 
       
    แหล่งข้อมูล : โรงพยาบาลวิภาวดี - www.vibhavadi.com  
   
ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
 
เก๊าท์
 
โรคเก๊าท์
 
โรคเก๊าท์
 
เป็นข้อต่ออักเสบ ควรออกกำลังกายอย่างไร
 
อาหารกับโรคเก๊าต์
 
   
 
 
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved.