โรคเก๊าท์ เกิดจากการเผาผลาญพิวรีนในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีกรดยูริคคั่งในเลือดสูงและตามข้อเล็กๆ และอวัยวะบางแห่ง อาจมีเกลือโซเดียมยูเรตเกาะอยู่ ทำให้เกิดอาการที่อวัยวะนั้นๆ ส่วนมากอาการจะเกิดเป็นครั้งคราว มักจะกำเริบมากขึ้น เมื่อบริโภคอาหารพวก นิวคลีโอโปรตีน และไขมันมาก หรือขณะดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกาย ทำให้กรดยูริคมากขึ้น
การกรดยูริคในร่างกายเกิดได้ 2 ทางคือ
|
1. |
เกิดจากกสารพิวรีน หรือนิวคลิโอโปรตีน ที่เป็นส่วนประกอบของอาหารที่บริโภค ส่วนนี้เป็นกรดยูริค ที่เกิดจากสาเหตุภายนอก จำนวนพิวรีนที่เกิดจากอาหารบริโภค จะเปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนพิวรีนที่มีในอาหาร ถ้าบริโภคอาหาร เครื่องในสัตว์ จะทำให้มีกรดยูริคสูงขึ้น อาหารบางชนิดกระตุ้นให้ระบบทางเดินอาหาร ให้ทำงานเพิ่มมากขึ้น จะทำให้มีกรดยูริคเพิ่มมากขึ้น จึงสรุปได้ว่า กรดยูริคจะเปลี่ยนแปลงไปตาม อาหารบริโภคที่มีโปรตีน การออกกำลังกาย และตามการทำงานของต่อมต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร |
|
|
เกิดจากสารพิวรีน ที่ได้จากการสลายตัว ของพวกเซลล์ของอวัยวะในร่างกาย เป็นกรดยูริคที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย กรดยูริคที่เกิดจากส่วนนี้ ย่อมจะเปลี่ยนไปตามการสลายตัวของอวัยวะ เช่น เซลล์มีการทำงานมากขึ้น หรือมีการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น |
อาการของโรคเก๊าท์
|
1. |
ระยะแรกมักมีอาการปวดรุนแรง อย่างทันทีทันใด มักพบอาการปวดที่หัวแม่เท้าก่อน อาการมักเกิดขึ้นภายหลัง การกินอาหารที่มีแคลอรี่สูงมากๆ การดื่มเหล้ามาก หรือการสวมรองเท้าที่คับ บริเวณผิวหนังตรงข้อที่อักเสบ จะตึงร้อน เป็นมัน ผู้ป่วยมักจะมีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย มีเม็ดเลือดขาวสูง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น ใน 2-3 วัน และหายไปเองในระยะ 5-7 วัน |
|
|
ระยะพัก เป็นระยะที่ไม่มีอาการแสดง แต่กรดยูริคในเลือดมักสูง และอาการอักเสบอาจเกิดขึ้นอีก จนถึงขึ้นเรื้อรัง อาจมีอาการเป็นระยะๆ เนื่องจากผลึกยูเรตเป็นจำนวนมาก สะสมอยู่ในข้อกระดูก เยื่ออ่อนของข้อต่อ และบริเวณเส้นเอ็น ทำให้เกิดโรคข้อกระดูกเสื่อม เมื่อเป็นมาก จะมีการสะสมของผลึกนี้ ที่เยื่อบุภายในปลอกหุ้มข้อ และเกิดปุ่มขึ้นที่ใต้ผิวหนัง มักเริ่มที่หัวแม่เท้า และปลายใบหูก่อน ข้อที่มีผลึกยูเรตเกาะอยู่ อาจเปลี่ยนแปลงจนผิดรูป และเกิดความพิการที่ข้อกระดูกนั้นๆ |
|
3. |
อาการแทรกซ้อน พบว่า ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยข้ออักเสบเฉียบพลันจากเก๊าท์ มักมีนิ่วในไตด้วย ผลึกยูเรต อาจสะสมอยู่ในส่วนหมวกไต ทำให้มีอาการเลือดออกทางปัสสาวะ ถ้ามีการสะสมในไตมากๆ จะขัดการทำงานของไต หรือทำลายเนื้อไต ทำให้เกิดภาวะไตล้มเหลว |
การควบคุมอาหาร เนื่องจากกรดยูริคจะได้จาก การเผาผลาญสารพิวรีน ดังนั้น ในการรักษาโรคเก๊าท์ จึงต้องควบคุมสารพิวรีนในอาหารด้วย อาหารที่มีพวรีน อาจแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
อาหารที่มีสารพิวรีนน้อย ( 0-50 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม)
|
|
นมและผลิตภัณฑ์จากนม |
|
ไข่ |
|
ธัญญพืชต่างๆ |
|
|
ผักต่างๆ |
|
ผลไม้ต่างๆ |
|
น้ำตาล |
|
|
ผลไม้เปลือกแข็ง (ทุกชนิด) |
|
ไขมัน |
|
|
อาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง (50-150 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม)
|
|
เนื้อหมู |
|
เนื้อวัว |
|
ปลากระพงแดง |
|
|
ปลาหมึก |
|
ปู |
|
ถั่วลิสง |
|
|
ใบขี้เหล็ก |
|
สะตอ |
|
ข้าวโอ๊ต |
|
|
ผักโขม |
|
เมล็ดถั่วลันเตา |
|
หน่อไม้ |
อาหารที่มีพิวรีนสูง (150 มิลลิกรัมขึ้นไป) *** อาหารที่ควรงด ***
|
|
หัวใจไก่ |
|
ไข่ปลา |
|
ตับไก่ |
|
มันสมองวัว |
|
|
กึ๋นไก่ |
|
หอย |
|
เซ่งจี้ (หมู) |
|
ห่าน |
|
|
ตับหมู |
|
น้ำต้มกระดูก |
|
ปลาดุก |
|
ยีสต์ |
|
|
เนื้อไก่,เป็ด |
|
ซุปก้อน |
|
กุ้งชีแฮ้ |
|
น้ำซุปต่างๆ |
|
|
น้ำสกัดเนื้อ |
|
ปลาไส้ตัน |
|
ถั่วดำ |
|
ปลาขนาดเล็ก |
|
|
ถั่วแดง |
|
เห็ด |
|
ถั่วเขียว |
|
กระถิน |
|
|
ถั่วเหลือง |
|
ตับอ่อน |
|
ชะอม |
|
ปลาอินทรีย์ |
|
|
กะปิ |
|
ปลาซาดีนกระป๋อง |
|
|
|
|
การกำหนดอาหาร
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ควรมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอ ประกอบด้วยอาหารหลัก 5 หมู่ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน และงดเว้นอาหารที่มีพิวรีนมากดังกล่าวแล้ว
|
1. |
พลังงาน ผู้ป่วยที่อ้วน จำเป็นต้องจำกัดพลังงานในอาหาร เพื่อให้น้ำหนักลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากความอ้วน ทำให้เกิดอาการโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้น แต่ต้องระมัดระวังในระยะที่มีอาการรุนแรง ไม่ควรให้อาหารที่มีพลังงานต่ำเกินไป เพราะอาจทำให้มีการสลาย ของไขมันในเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งจะทำให้สารยูริค ถูกขับออกจากร่างกายได้น้อย และอาการของโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้นได้ ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ไม่ควรอดอาหาร และควรได้พลังงานประมาณวันละ 1,200-1,600 แคลอรี่ |
|
|
โปรตีน ผู้ป่วยควรได้รับอาหารโปรตีนตามปรกติ ไม่เกิน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยหลีกเลี่ยงโปรตีนที่มีสารพิวรีนมาก |
|
3. |
ไขมัน ผู้ป่วยควรได้รับอาหารที่มีไขมันให้น้อยลง โดยจำกัดให้ได้รับประมาณวันละ 60 กรัม เพื่อให้น้ำหนักลดลง การได้รับอาหารที่มีไขมันมากเกินไป จะทำให้มีการสะสมสารไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้น ซึ่งการมีสารไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้น จะทำให้ขับถ่ายสารยูนิคได้ไม่ดี และพบว่าผู้ป่วยที่อ้วน และมียูริคในเลือดสูง เมื่อลดน้ำหนักลง กรดยูริคในเลือดจะลดลงด้วย |
|
4. |
คาร์โปไฮเดรท ควรได้รับให้พอเพียงในรูปของข้าว แป้งต่างๆ และผลไม้ ส่วนน้ำตาลไม่ควรกินมาก เพราะการกินน้ำตาลมากๆ จะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ซึ่งจะมีผลต่อการขับถ่ายสารยูริคด้วย |
|
5. |
แอลกอฮอล์ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้ามากๆ เพราะการเผาผลาญแอลกอฮอล์ จะทำให้มีกรดแลคติคเกิดขึ้น และมีการสะสมแลคเตตเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลให้กรดยูริค ถูกขับถ่ายได้น้อยลง |
การจัดอาหาร
ในการจัดอาหารให้ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ที่แพทย์ให้จำกัดสารพิวรีนอย่างเข้มงวด ผู้จัดต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งในด้านโภชนาการ และรสชาติ ลักษณะอาหาร เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยกินอาหารได้ ตามที่กำหนด และได้รับสารอาหารเพียงพอ
|
1. |
ในระยะที่มีอาการรุนแรง ควรงดเว้นอาหารที่มีพิวรีนมากในระหว่างมื้ออาหาร ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้มากๆ จะช่วยขับกรดยูริค ช่วยรักษาสุขภาพของไต และป้องกันมิให้เกิดก้อนนิ่ว พวกยูเรตขึ้นได้ที่ไต |
|
|
งดเว้นอาหารที่ให้พลังงานมาก ได้แก่ ขนมหวานต่างๆ อาหารที่มีไขมันมาก เช่น อาหารทอด และขนมหวานที่มีน้ำตาล และไขมันมาก |
|
3. |
จัดอาหารที่มีใยอาหารมาก แก่ผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้น้ำหนักลดลง |
|
4. |
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มเหล้า มีส่วนช่วยให้อาการของโรคเก๊าท์รุนแรงขึ้น |
|
5. |
อาหารที่มีไขมันมาก จะทำให้ขับกรดยูริคน้อยลง ทำให้มีการคั่งของกรดยูริคในเลือดมากขึ้น |
นพ. สุเมธ เถาหมอ
|