มะเร็งตับ ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่ลุกลามขยายผลได้จากไวรัสตับอักเสบชนิดบี ในรายที่เป็นพาหะในระยะเริ่มต้นของมะเร็งชนิดนี้ ผู้ป่วยจะ สามารถตรวจพบได้ด้วยการอุลตร้าซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งจะพบได้ต่อเมื่อก้อนมีขนาดตั้งแต่ 1 ซม.ขึ้นไป พบได้บ่อยมากโดยเฉพาะในผู้ที่ดื่มสุราประจำเป็นเวลานานๆ มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี และผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือตับแข็ง ดังนั้นเบื้องต้นก็ควรตรวจสุขภาพ ประจำปี สม่ำเสมอ และตรวจดูว่ามีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไม่และสังเกตุร่างกายตนเองเบื้องต้น
ส่วนมะเร็งในระยะเริ่มต้นหากวินิจฉัยได้ย่อมทำให้โอกาสในการรักษาให้หายขาดมีความเป็นไปได้สูง โรคมะเร็งตับเป็นโรคที่ให้การวินิจฉัยระยะเริ่มแรกได้ช้าเนื่องจากไม่ค่อยมีอาการ เมื่อมีอาการโรคก็เป็นมากแล้ว
การเจาะเลือดหาสาร alfa-fetoprotein ซึ่งถ้าเป็นมะเร็งค่านี้ก็จะสูง ได้มีการเจาะหาค่านี้เพื่อตรวจหามะเร็งแรกเริ่ม ซึ่งหากนำมาหาในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยที่มีตับอักเสบเรื้อรัง ก็สามารถให้การวินิจฉัยมะเร็งในระยะแรกเริ่มได้ แต่ก็มีมะเร็งตับบางชนิดไม่สร้าง alfa-fetoprotein
อาการของโรคมะเร็งตับ
ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับที่มีอาการโดยมากจะเป็นมาก อาการของโรคมะเร็งตับมีอาการเหมือนกับมะเร็งที่ระบบอื่น อาการต่างๆที่พบได้คือ
|
1. |
น้ำหนักลด |
|
|
เบื่ออาหาร |
|
3. |
จุกเสียดแน่นท้อง |
|
4. |
ปวดท้องตลอดเวลา |
|
5. |
ท้องบวมขึ้น หายใจลำบาก |
|
6. |
ตัวเหลือง ตาเหลือง |
|
7. |
คลำได้ก้อนที่บริเวณตับ |
|
8. |
อาการผู้ป่วยทรุดอย่างรวดเร็ว |
กรณีดังกล่าวการป้องกันเบื้องต้นก็คือการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี |