สังกะสี...ธาตุอาหารปริมาณน้อยที่ขาดไม่ได้ |
---|
สังกะสีทำงานร่วมกับเอนไซม์ในการสร้างโปรตีน การย่อยอาหาร การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน จึงมีความสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตและการพัฒนาการในเด็ก การขาดสังกะสีทำให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก การเจริญพันธุ์ทางเพศช้า ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเด็กผู้ชาย เช่น การมีหนวดเครา เสียงแตก เป็นต้น สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการเปลี่ยนวิตามินเอ (ซึ่งอยู่ในรงควัตถุที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น) ให้อยู่ในรูปที่ทำงานได้ การขาดสังกะสีจะทำให้มีอาการตาฟางหรือตาบอดกลางคืนเหมือนกับการขาดวิตามินเอ นอกจากนี้สังกะสียังจำเป็นสำหรับการหายของบาดแผล การรับรส และการสร้างสเปิร์ม ในต้นทศวรรษ 1970 พบการขาดสังกะสีในสหรัฐอเมริกาในผู้ที่ได้รับอาหารทางหลอดเลือดเท่านั้น เนื่องจากอาหารที่ให้มีสังกะสีน้อยมาก ปัจจุบันอาหารที่ให้ทางหลอดเลือดจะเติมสังกะสี เพื่อป้องกันภาวะการขาดสังกะสี โดยปกติคนเราจะได้รับสังกะสีจากอาหาร ซึ่งจะพบได้มากในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ในหอยนางรม เนื้อ ตับ ไข่ นม ไก่ และปลา เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมากจะมีสังกะสีน้อย เนื่องจากในส่วนไขมันจะมีสังกะสีน้อย เนื้อสัตว์ที่มีสีแดงจะมีสังกะสีสูงกว่าเนื้อสัตว์ที่มีสีขาว ธัญญาหารเป็นแหล่งสังกะสีเช่นกัน ปริมาณสังกะสีในธัญญาหารขึ้นกับการขัดสี สังกะสีจะมีมากบริเวณเปลือกนอกของเมล็ด ดังนั้นเมล็ดพืชที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวซ้อมมือจะมีสังกะสีมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว แต่ในพืชจะมีสารไฟเตทซึ่งจะยับยั้งการดูดซึมสังกะสีในลำไส้ ทำให้ร่างกายได้รับสังกะสีจากอาหารเหล่านี้น้อยลง สังกะสีเมื่อถูกดูดซึมแล้วจะรวมกับโปรตีนอัลบูมิน เพื่อขนส่งไปในกระแสเลือดไปยังตับและเนื้อเยื่ออื่นๆ โดยไม่มีการเก็บสะสมไว้เฉพาะในอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง ภาวะการขาดสังกะสีอาจเกิดจากการรับประทานอาหาร ที่มีสังกะสีน้อย แต่ส่วนใหญ่มักพบร่วมกับการท้องเสียเรื้อรัง เป็นโรคที่ทำให้การดูดซึมน้อยลง ได้รับอาหารที่มีสารไฟเตทสูง หรือร่างกายมีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น ในทารกและสตรีตั้งครรภ์ นอกจากนี้ในกลุ่มคนที่ได้รับอาหารจำกัดก็เสี่ยงต่อการขาดสังกะสีได้ เช่น คนที่ควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักตัว คนเหล่านี้จะได้รับสังกะสีจากอาหารน้อยลง ขณะเดียวกันจะสูญเสียสังกะสีออกจากร่างกาย เนื่องจากร่างกายนำเนื้อเยื่อบางส่วน ออกมาใช้เป็นพลังงาน ในคนสูงอายุที่รับประทานอาหารน้อยลงก็อาจได้รับสังกะสีไม่เพียงพอ ปริมาณสังกะสีที่คนเราควรได้รับประจำวันแสดงไว้ในตารางด้านขวามือ สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จัดว่าไม่มีพิษ แต่การได้รับสังกะสีในปริมาณสูง (เกินกว่า 1.5 เท่าของปริมาณที่แนะนำให้ควรได้รับ) เป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง จากการขาดทองแดงได้ และถ้าได้รับสังกะสีในปริมาณมาก (225-450 มิลลิกรัม) จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย มีไข้ อ่อนเพลีย นอกจากนี้การได้รับสังกะสีมากว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน จะมีผลเพิ่มระดับโคเลสเตอรอล ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และถ้าได้รับปริมาณสูงมาก (4-8 กรัม) อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ การเสริมสังกะสี สำหรับนักกีฬา ได้มีการทดลองใช้สังกะสีในรูปยากินและยาทาสำหรับการรักษาสิว ซึ่งพบว่าการเสริมสังกะสีจะลดการอักเสบของสิวลงได้ แต่ปริมาณที่ใช้จะค่อนข้างสูง (30 มิลลิกรัมต่อวัน) และการใช้สังกะสีในการรักษาสิว ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่ามิได้ดีกว่าการรักษาโดยวิธีอื่น แต่การให้สังกะสีในขนาดสูงนี้ อาจทำให้เกิดภาวะการขาดทองแดงได้ เนื่องจากผลดีจากการเสริมสังกะสียังไม่ชัดเจน การเสริมสังกะสีจึงควรกระทำด้วยความระมัดระวัง และคำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นด้วย |
|||||||||||||||||||||
แหล่งข้อมูล : นิตยสาร - HealthToday | |||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved. |