|       
        
         ช่วงนี้วิทยาการด้าน Anti-aging medicine กำลังมาแรงทั้งในประเทศอเมริกา ยุโรป และเอเชีย รวมถึงประเทศไทยเราด้วย ผมคาดว่าในต้นปีหน้าเมืองไทยเราจะมีการเปิดบริการด้านนี้มากขึ้น  
   
ในเรื่องเกี่ยวกับ Anti-aging นั้นผมในฐานะแพทย์ผิวหนังกับความสนใจอยู่มาก เพราะคนไข้มักมาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Anti-aging skin ผมคิดว่าคุณผู้อ่านคงพอทราบเกี่ยวกับ เรื่องการรักษาเรื่องนี้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น Botox หรือ Laser ที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่วันนี้ผมจะพูดถึงสารอาหารเพื่อผิวสวย ซึ่งจะทำให้เราได้ประโยชน์ทั้งจากภายในและภายนอกด้วย  
 
 ผมได้อ่านเรื่อง Anti-aging, skin-friendly nutrients ซึ่งเขียนโดยคุณหมอ David J Goldberg อาจารย์แพทย์ด้านผิวหนังที่ Mt. Sinai School of Medicine และอาจารย์ด้านกฎหมายที่ Fordham University School of Law ประเทศสหรัฐอเมริกา คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ จึงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ  
      วิตามินเอ  
         
         วิตามินเอ มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ เรตินอยด์ (retinoids) และแคโรทีนอยด์ (carotenoids) ตัวเรตินอยด์นั้นมีอยู่ในอาหารและร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ ส่วนแคโรทีนอยด์ นั้นร่างกายจะต้องเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของวิตามินเอเสียก่อน แคโรทีนอยด์ที่เรารู้จักกันดีคือ เบตาแคโรทีน (beta-carotene)  
      
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อผิวหนัง : วิตามินเอเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยในเรื่องการป้องกันการเสื่อมอายุ ของผิวหนัง การซ่อมแซมผิวหนังที่เสียไป นอกจากนี้วิตามินเอยังมีความสำคัญต่อขบวน การเติบโตของผิวหนัง ( differentiation) และเป็นสารสำคัญที่ช่วยทำให้ผิวหนังมีการทำงานอย่างปกติ  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆ : เนื่องจากวิตามินเอเป็นสารต้านอนุมุลอิสระก็จะช่วยในเรื่องของการป้องกันมะเร็งและทำให้มีสุขภาพตาที่ดีด้วย  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ความต้องการของร่างกายต่อวัน : ประมาณ 5,000 international units (IU) หรือเบตาแคโรทีน ประมาณ 3 มิลลิกรัม การได้รับวิตามินเอปริมาณมากไปอาจจะทำลายตับและเกิดเป็นพิษได้  | 
         
        
          |   | 
            | 
          แหล่งอาหาร : | 
         
        
          |   | 
            | 
          
            
              | วิตามินเอ | 
                | 
              : | 
              ไข่ นม เนย ปลาแซลมอน ปลา halibut | 
             
            
              | แคโรทีนอยด์ | 
                | 
              : | 
              ผักใบเขียว เช่น บร็อคโคลี ผักโขม แอสพารากัส มะละกอ แคนตาลูป มะเขือเทศฟักทอง | 
             
                        | 
         
       
      วิตามินบี-คอมเพล็กซ์  
      
        
          |   | 
            | 
           ประโยชน์ต่อผิวหนัง : วิตามินในกลุ่มนี้มีความสำคัญต่อสุขภาพผิวหนังเป็นอย่างมาก เป็นตัวช่วยในขบวนการผลิตพลังงานภายในเซลล์ วิตามินบี 2 จะช่วยในเรื่องการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ วิตามินบี 3 ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้ผิวหนังไม่ซีด วิตามินบี 12 ช่วยในการแบ่งเซลล์ วิตามินบี 9 (หรือกรดโฟลิค) ช่วยในเรื่องการแบ่งและเจริญเติบโตของเซลล์ นอกจากนี้กรดโฟลิคยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงด้วย  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆ : กลุ่มวิตามินบีมีความสำคัญมากในขบวนการสร้างพลังงานของเซลล์ และช่วยทำให้เอนไซม์ต่างๆ ทำงานตามปกติ วิตามินบีช่วยในการเปลี่ยนแปลงน้ำตาลกลูโคส ใช้เป็นพลังงาน การขาดวิตามินตัวนี้จะมีผลต่อระดับความรู้สึก หัวใจ การหายใจ วิตามินบี 6 ช่วยลดการอักเสบ ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว การสร้างอินซูลิน สร้างภูมิต้านทานโรค และช่วยเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ส่วนวิตามินบี 12 ช่วยเกี่ยวกับเรื่องของระบบสมองและประสาท  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ความต้องการของร่างกายต่อวัน :  | 
         
        
          |   | 
           | 
          
            
              บี 1  | 
                | 
              =  | 
              1.1-1.2 มิลลิกรัม  | 
             
            
              บี 2  | 
                | 
              =   | 
              1.1-1.3 มิลลิกรัม  | 
             
            
              บี 3  | 
                | 
              =   | 
              14-16 มิลลิกรัม  | 
             
            
              บี 6   | 
                | 
              =   | 
              2 มิลลิกรัม  | 
             
            
              บี 9 ( กรดโฟลิค)  | 
                | 
              =   | 
              180-200 ไมโครกรัม (400 ไมโครกรัม สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์)  | 
             
            
              บี 12   | 
                | 
              =   | 
              2 ไมโครกรัม  | 
             
            
              |                  ในคนที่อายุมากกว่า 40 ปี การดูดซึมวิตามินบีหลายตัวจะลดลงโดยเฉพาะวิตามินบี 6 และบี 12   | 
               
                        | 
         
        
          |   | 
            | 
           แหล่งอาหาร :  | 
         
        
          |   | 
           | 
          
            
              | ผัก  | 
                | 
              : | 
              บร็อคโคลี มันฝรั่ง เห็ด แครอท มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ผักโขม  | 
             
            
              | ผลไม้  | 
                | 
              : | 
              กล้วย แอปเปิล มะเขือ ผลไม้ในกลุ่มส้ม  | 
             
            
              | สัตว์  | 
                | 
              : | 
              ไข่ ไก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า  | 
             
            
              | อื่นๆ  | 
                | 
              : | 
              ข้าว เมล็ดธัญพืช ถั่ว ถั่วลิสง ถั่ววอลนัท ถั่วอัลมอนด์  | 
             
                        | 
         
       
      วิตามินซี  
      
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อผิวหนัง : วิตามินซีเป็นตัวสำคัญในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย รวมทั้งผิวหนังของเรา นอกจากนี้ยังเป็นตัวสำคัญในการสร้างคอลลาเจนด้วย  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆ : วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมากตัวหนึ่ง และยังสามารถลดไขมันที่ไม่ดีในเลือด (LDL) และเพิ่มไขมันที่ดี (HDL) ด้วย ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย และโรคเกี่ยวกับระบบตาด้วย  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ความต้องการของร่างกายต่อวัน : ประมาณวันละ 60 มิลลิกรัม แต่ส่วนมากนักวิทยาศาสตร์ทางด้านอาหารจะแนะนำประมาณ 500-1000 มิลลิกรัม ต่อวันเพื่อให้เกิดประโยชน์ในแง่ Anti-aging ด้วย  | 
         
        
          |   | 
            | 
          แหล่งอาหาร :  | 
         
        
          |   | 
            | 
          
            
              | ผัก  | 
              : | 
              ผักใบเขียว บร็อคโคลี กะหล่ำปลี มะเขือเทศ มันฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง (แอสพารากัส) | 
             
            
              | ผลไม้  | 
              : | 
              ผลไม้แทบทุกชนิดมีวิตามินซี โดยเฉพาะในกลุ่มของส้ม มะละกอ ฝรั่ง แตงโม แตงเทศ  | 
             
            | 
         
       
      วิตามินอี  
         
      วิตามินอี มีอยู่ 2 กลุ่มคือ โทโคฟีรอล (tocopherol) และโทโคไตรอีนอล (tocotrienols) ซึ่งตัวหลังนี้เป็นตัวใหม่ซึ่งเพิ่งมีการค้นพบเมื่อไม่นานนี้และเชื่อกันว่าสามารถช่วยเรื่องการชะลอความแก่ชราได้ด้วย  
      
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อผิวหนัง : ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และช่วยซ่อมแซมผิวหนัง   | 
         
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆ : วิตามินอี เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ เพราะมีส่วนช่วยลดไขมัน ป้องกันการเกิดการแข็งตัวของเลือด ป้องกันโรคมะเร็งและหัวใจ  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ความต้องการของร่างกายต่อวัน : ประมาณ 40 IU แต่นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์มักแนะนำประมาณ 200-400 IU ซึ่งปริมาณขนาดนี้ไม่สามารถรับประทานได้จากอาหารทั่วไปจำเป็นต้องใช้ในรูปอาหารเสริม  | 
         
        
          |   | 
            | 
          แหล่งอาหาร :  | 
         
        
          |   | 
            | 
          
            
              | ผัก  | 
              : | 
              ผักใบเขียว บรอคโคลี มันฝรั่ง | 
             
            
              | ผลไม้  | 
              : | 
              มะม่วง | 
             
            
              | อื่นๆ  | 
              : | 
              จมูกข้าวสาลี เมล็ดธัญพืช ถั่วอัลมอนด์ ถั่วเหลีอง น้ำมันพืช ปลาแซลมอนน้ำมันปลา  | 
             
            | 
         
       
      แร่ธาตุพวกทองแดง สังกะสี และซีลีเนียม  
      
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อผิวหนัง : แร่ธาตุเหล่านี้จะทำงานกับวิตามินที่ต้านอนุมูลอิสระเพื่อที่จะทำให้ การกำจัดอนุมูลอิสระทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ทองแดงยังช่วยในการสร้างคอลลาเจน สังกะสีช่วยในการซ่อมแซมคอลลาเจนที่สึกหรอ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ และช่วยรักษาสิวด้วย  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆ : การที่แร่ธาตุเหล่านี้ทำให้วิตามินที่ต้านอนุมูลอิสระทำงานดีขึ้นก็จะช่วยในการ ชะลอความแก่ชราและป้องกันโรคเรื้อรังบางชนิดด้วย นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบ ที่สำคัญของเอนไซม์และฮอร์โมนหลายชนิด  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ความต้องการของร่างกายต่อวัน : ทองแดง = 2 มิลลิกรัม , สังกะสี = 15 มิลลิกรัม , ซีลีเนียม = 70 ไมโครกรัม , ถ้าร่างกายได้รับแร่ธาตุเหล่านี้ในปริมาณมากเกินไปอาจเกิดพิษได้  | 
         
        
          |   | 
            | 
          แหล่งอาหาร :  | 
         
        
          |   | 
            | 
          
            
              | ผัก  | 
                | 
              : | 
              บร็อคโคลี เห็ด | 
             
            
              | สัตว์  | 
                | 
              : | 
              เนื้อไก่ ปลา ไข่  | 
             
            
              | อื่นๆ  | 
                | 
              : | 
              โยเกิร์ต นม จมูกข้าวสาลี เมล็ดธัญพืช เต้าหู้ ถั่ว  | 
             
            | 
         
       
      Q 10  
         
        Q 10 นี้ถือว่าเป็น co-enzyme ที่สำคัญตัวหนึ่งในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับขบวนการเสื่อม ของเซลล์ในร่างกายของคนเรา การที่มีระดับ Q10 ต่ำจะพบร่วมกับโรคที่เกี่ยวกับความชรา โดยปกติแล้วร่างกายเราสามารถสร้าง Q10 ได้เอง แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือเวลามีความเครียด ร่างกายก็จะสร้าง Q10 ได้น้อยลง  
      
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อผิวหนัง : ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสี UV  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆ : ช่วยสร้างอนุมูลอิสระที่เกิดภายในร่างกาย และเสริมสร้างขบวนการสร้างพลังงานระดับเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันหัวใจและป้องกันการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ความต้องการของร่างกายต่อวัน : โดยทั่วไปนักวิทยาศาสตร์ทางอาหารจะแนะนำให้รับประทาน 30-60 มิลลิกรัมต่อวัน  | 
         
        
          |   | 
            | 
           แหล่งอาหาร : ถั่วลิสง น้ำมันถั่วเหลือง ปลาแซลมอน ไข่ เนื้อวัว ตับไต หัวใจ จมูกข้าวสาลี  | 
         
       
      กรดอัลฟาไลโปอิก (Alpha lipoic acid)  
         
      สารตัวนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้ 
      
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อผิวหนัง : นอกจากจะช่วยในแง่ของการต้านอนุมูลอิสระแล้ว สารนี้ยังช่วยในการสร้าง และซ่อมแซมคอลลาเจนของผิวหนังด้วย  | 
         
        
          |   | 
            | 
          ประโยชน์ต่อร่างกายอื่นๆ : ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ ทำให้การทำงานของวิตามินซี และอี มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และอาจมีส่วนเกี่ยวกับเรื่องของระบบประสาท  | 
         
        
          |   | 
            | 
           ความต้องการของร่างกายต่อวัน : ประมาณ 50-100 มิลลิกรัม ผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีปัญหาเรื่องระบบเส้นประสาท ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับประทานสารตัวนี้  | 
         
       
      จะเห็นได้ว่าวันนี้ผมได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังในรูปแบบรับประทาน คราวนี้ทางแพทย์ผิวหนังก็พยายามนำสารเหล่านี้มาทำในรูปของครีมต่างๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อผิวหนังโดยตรง แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ความคงตัวของสาร ความสามารถของสารในการซึมผ่านผิวหนัง และประสิทธิภาพของสารเหล่านั้น ปัจจุบันเท่าที่ได้ผลดี คือ วิตามินเอ ส่วนสารอื่นๆ อาจใช้ได้ผลไม่มาก แต่ในอนาคตผมว่าเราคงเห็นสารต่างๆ ในรูปแบบของครีมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยอาศัยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เช่น เรื่องของนาโนเทคโนโลยีต่างๆ กันครับ  
       |