หน้าแรก
ข้อมูลสุขภาพ
เว็บ สุขภาพ
ร้านอาหาร เพื่อสุขภาพ
เว็บ โรงพยาบาล
ต่อมลูกหมากโต...น่ากลัวไหมครับ
ข้อมูลสุขภาพ
สุขภาพใจ สุขภาพจิต
โรคหัวใจ
โรคมะเร็ง
เบาหวาน
โคเลสเตอรอล
ไต
สุภาพสตรี
ผู้สูงอายุ
กระดูกและข้อ
ฟัน
โรคอ้วน
เฉพาะด้านอื่นๆ
สารอาหาร
ทั่วไป
 


ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ลักษณะเป็นก้อนขนาดประมาณลูกเกาลัด ล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น (อยู่ถัดจากส่วนล่างของกระเพาะปัสสาวะ) คนละส่วนกับลูกอัณฑะ ซึ่งอยู่ในถุงอัณฑะด้านนอก ดังนั้น การตรวจคลำต่อมลูกหมาก จึงต้องตรวจโดยการใช้นิ้ว หรือเครื่องมือสอดทางทวารหนัก

เมื่อผู้ชายมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ต่อมลูกหมากจะมีการโตขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังจากอายุ 50 ปีไปแล้ว บางคนอาการมาก บางคนอาการน้อย และเมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดอาการ และความรุนแรงของอาการจะเพิ่มขึ้น

สำรวจอาการต่อมลูกหมากโต

อาการของโรคต่อมลูกหมากโต เกิดจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จนกดเบียดให้ท่อปัสสาวะส่วนต้น (ที่ต่อมลูกหมากล้อมรอบอยู่) แคบลง เกิดแรงเสียดทานในท่อปัสสาวะ ทำให้การปัสสาวะลำบากขึ้น อาการที่แสดงจะมี 2 กลุ่ม

 
1.
อาการระคายเคือง เช่น
 
•
ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
   
•
ปัสสาวะต้องรีบ กลั้นไม่ได้นาน
   
•
ปัสสาวะเล็ดและราดเวลาปวดปัสสาวะ
 
•
อาการปัสสาวะไม่สุด รู้สึกเหมือนว่ายังมีปัสสาวะค้างอยู่
2.
อาการอุดกั้น เช่น
 
•
ปัสสาวะต้องเบ่ง
   
•
ปัสสาวะต้องรอ ไม่ออกทันที
   
•
ปัสสาวะหยุดเป็นช่วงๆ
 
•
ปัสสาวะพุ่งไม่แรง
   
•
ปัสสาวะหยดๆ ตอนท้ายของการปัสสาวะ

โรคนี้อันตรายมากไหมครับหมอ

โรคต่อมลูกหมากโต จัดเป็นโรคเนื้องอกชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง ดังนั้น โดยตัวของโรคเองไม่ถือว่าร้ายแรง ผู้ป่วยที่มีอาการข้างต้น มักมีปัญหาเกี่ยวกับการพักผ่อน ความวิตกกังวล รวมไปถึงการรบกวนชีวิตประจำวัน และการเข้าสังคม

ในกรณีที่อาการของโรครุนแรงมากขึ้น จนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อและอักเสบของทางเดินปัสสาวะ การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และการเสื่อมการทำงานของไต ถือเป็นอันตราย และเป็นข้อบ่งชี้ที่จะต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข

อันตรายอย่างหนึ่งที่ควรระวัง คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งพบได้ในผู้ชายสูงอายุเช่นกัน ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก อาจมีอาการคล้ายกับโรคต่อมลูกหมากโต เมื่อไม่ได้รับการตรวจและรักษาที่ถูกต้อง ก็เป็นการเปิดโอกาสให้มะเร็งลุกลามไปได้

ได้เวลาไปหาหมอ

ดังนั้นชายที่มีอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการตรวจต่อมลูกหมาก โดยการตรวจทางทวารหนักและการเจาะเลือด เพื่อดูค่าบางอย่างที่เกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก เพื่อเป็นการป้องกันแต่เนิ่นๆ

ในรายที่มีอาการผิดปรกติ ดังที่กล่าวข้างต้น ควรเข้ารับการตรวจรักษา และรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคระบบทางเดินปัสสาวะ

วิธีรักษา

แพทย์จะให้การรักษาตามความรุนแรงของอาการผู้ป่วยแต่ละคน โดยแบ่งเป็น 3 วิธี

 
1.
การเฝ้าระวัง ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย แพทย์จะแนะนำให้สังเกตอาการและปรับพฤติกรรมดังนี้
 
•
ลดน้ำดื่มหลังอาหารเย็น และก่อนนอน
   
•
พยายามไม่ให้ท้องผูก
   
•
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือชากาแฟ
 
•
หลีกเลี่ยงยาลดน้ำมูกบางตัวที่มีผลกับการปัสสาวะ
 
2.
การใช้ยา ซึ่งจะมี 2 กลุ่มหลัก คือ
 
•
ยากลุ่มต้านอัลฟ่า ที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อรอบต่อมลูกหมาก ทำให้ท่อปัสสาวะที่ตีบแคบขยายกว้างขึ้น ทำให้ปัสสาวะสะดวกขึ้น
   
•
ยากลุ่มต่อต้านเอนไซม์ที่มีผลต่อการโตของต่อมลูกหมาก ซึ่งจะมีผลยับยั้งต่อมลูกหมากไม่ให้โตขึ้น และถ้าใช้เป็นเวลานาน 6 เดือนขึ้นไป จะมีผลให้ต่อมลูกหมากมีขนาดลดลงในระดับหนึ่ง
 
3.
การผ่าตัดต่อมลูกหมาก โดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ สำหรับข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดคือ
   
•
ปัสสาวะไม่ออก (ต้องใส่สายสวนปัสสาวะ)
   
•
มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
   
•
มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะหลายครั้ง
 
•
ไตเสื่อมการทำงานซึ่งเป็นผลจากการอุดตัน

ข้อควรรู้ในการปฏิบัติตัว

 
•
ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ที่บ่งบอกว่า การมีเพศสัมพันธ์ที่มากหรือน้อย จะมีผลต่อการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต
 
•
ผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งมีความเสี่ยงเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย ดังนั้นการลดการกินเนื้อสัตว์ และอาหารฟาสต์ฟู้ด และการกินอาหารที่ปรุงจากธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง งา เมล็ดฟักทอง น้ำมันรำข้าว มะเขือเทศ จะช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และช่วยให้สุขภาพแข็งแรงดีขึ้น
 
•
เมื่อมีอาการผิดปรกติเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำหรือรับการรักษาอย่างถูกต้อง

 

 

นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 162

 
       
    แหล่งข้อมูล : www.cheewajit.com  
   
ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
 
มะเร็ง...ตัวร้าย
 
อาการของมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ
 
มะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ชาย
 
มะเร็งต่อมลูกหมาก ระยะแรกรักษาหายได้
 
มะเร็งต่อมลูกหมาก ภัยใกล้ตัวของคุณผู้ชาย
 
   
 
 
Copyright © 2007 - 2009 by yourhealthyguide.com All rights reserved.